สูตรครีมบำรุงผิวหน้าสำหรับผิวแห้ง มีกระ การใช้รอบดวงตา และขั้นตอนการผสม
คำถาม
ต้องการครีมบำรุงผิวหน้าที่สามารถทารอบดวงตาได้ด้วยค่ะ สภาพผิวเป็นผิวแห้งขาดน้ำ มีกระบนใบหน้า อายุ 37 ปี
ได้ลองทำสูตรดังนี้:
สูตรที่ 1
- Activated Resorcinol 1%
- MSH White 4%
- Repair Activator 10%
- Pep-Coll 3%
- Moist 72 5%
- Water lock 2%
- Paeonia Preserve 0.5% (ต้องคำนวณจากน้ำหนักทั้งหมดหรือว่าน้ำหนักของส่วนที่เป็นน้ำกลั่นคะ)
- น้ำกลั่น (ส่วนที่เหลือ)
- Luxury Cream Maker 1.5%
คำถามคือ:
- ครีมนี้สามารถทารอบดวงตาได้ด้วยหรือไม่?
- เคยใส่ Pro Polymer 0.5% ในสูตรอื่น แต่หลังใส่แล้วมีกลิ่นแรงคล้ายกลิ่นแอลกอฮอล์ อยากทราบว่าเกิดจากอะไรคะ?
- รบกวนบอกขั้นตอนการผสมสำหรับสูตรที่ 1 ด้วยค่ะ
คำตอบ
ครีมบำรุงผิวหน้าสำหรับผิวแห้ง ขาดน้ำ มีกระ (สามารถทารอบดวงตาได้หรือไม่?)
ขอบคุณสำหรับสูตรที่คุณให้มาค่ะ สูตรนี้มีส่วนผสมหลายอย่างที่เป็นประโยชน์ในการดูแลปัญหาผิวแห้ง ขาดน้ำ และรอยกระ
สำหรับคำถามของคุณ:
1. ครีมนี้สามารถทารอบดวงตาได้หรือไม่?
แม้ว่าส่วนผสมหลายอย่างในสูตรของคุณ เช่น Pep-Coll และ Water Lock จะเหมาะสำหรับผิวรอบดวงตาที่บอบบาง และสามารถช่วยเรื่องความชุ่มชื้นและลดเลือนริ้วรอยได้ แต่สูตรนี้ก็มีส่วนผสมที่ช่วยเรื่องความกระจ่างใสที่มีความเข้มข้นสูง เช่น Activated Resorcinol และ MSH White รวมถึง Repair Activator ในความเข้มข้นที่สูงถึง 10% ส่วนผสมเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในความเข้มข้นที่คุณระบุ อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวที่บอบบางรอบดวงตาได้ค่ะ
โดยทั่วไปแล้ว แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นสำหรับผิวรอบดวงตาโดยเฉพาะ ซึ่งจะมีส่วนผสมในความเข้มข้นที่เหมาะสมกับผิวบอบบางบริเวณนี้ หากคุณเลือกที่จะใช้สูตรนี้บริเวณรอบดวงตา ขอแนะนำอย่างยิ่งให้ทดสอบกับผิวบริเวณเล็กๆ ก่อน เพื่อดูว่ามีอาการแพ้หรือระคายเคืองหรือไม่ หรืออาจพิจารณาทำครีมรอบดวงตาแยกต่างหาก โดยใช้ส่วนผสมที่อ่อนโยนกว่า หรือลดความเข้มข้นของสารออกฤทธิ์ที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองค่ะ
2. กลิ่นของ Pro Polymer
คุณกล่าวถึงการมีกลิ่นคล้ายแอลกอฮอล์แรงๆ เมื่อเคยใช้ Pro Polymer ที่ 0.5% ก่อนหน้านี้ Pro Polymer เป็นสารที่ช่วยสร้างเนื้อเจล โดยทั่วไปแล้วจะไม่มีกลิ่นแอลกอฮอล์ที่แรง แต่บางครั้งวัตถุดิบอาจมีกลิ่นเฉพาะตัวจากการผลิต หรือมีส่วนประกอบตกค้างอยู่ การเก็บรักษาที่ไม่ถูกต้อง (เช่น สัมผัสความชื้น) หรือการปั่นผสมที่มากเกินไป ก็อาจส่งผลต่อคุณสมบัติของส่วนผสมหรือทำให้เกิดกลิ่นได้ค่ะ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าเก็บรักษาส่วนผสมอย่างถูกต้อง และปฏิบัติตามวิธีการผสมที่แนะนำเพื่อหลีกเลี่ยงการปั่นที่มากเกินไปค่ะ
3. ขั้นตอนการผสม
จากส่วนผสมที่คุณระบุและคุณสมบัติของส่วนผสมเหล่านั้น:
- MSH White จำเป็นต้องละลายในส่วนของน้ำมัน โดยใช้ความร้อน (ประมาณ 80°C)
- Activated Resorcinol ก็ละลายได้ในน้ำมันเช่นกัน
- Luxury Cream Maker เป็นสารประสานเนื้อครีมที่ใช้ในส่วนของน้ำ และไม่ต้องใช้ความร้อน แต่การใช้ความร้อนเล็กน้อย (50-60°C) จะช่วยให้ละลายได้ง่ายขึ้น
- Pro Polymer ผสมในส่วนของน้ำ โดยค่อยๆ โปรยและคนช้าๆ เพื่อให้เกิดการอิ่มตัว
- ส่วนผสมที่ไวต่อความร้อน เช่น Repair Activator, Pep-Coll, Moist 72, Water Lock และ Paeonia Preserve ควรเติมในขั้นตอนการทำเย็น (Cool-down phase) เมื่ออุณหภูมิต่ำกว่า 40°C
สูตรที่คุณให้มาไม่ได้ระบุส่วนผสมของน้ำมันไว้อย่างชัดเจน ในการละลาย MSH White และ Activated Resorcinol อย่างถูกต้อง และสร้างเนื้อครีมที่คงตัวด้วย Luxury Cream Maker จำเป็นต้องมีส่วนของน้ำมันค่ะ นอกจากนี้ Activated Resorcinol ยังแนะนำให้ใช้ร่วมกับ Disodium EDTA เพื่อป้องกันการเปลี่ยนสี ซึ่งก็ไม่ได้อยู่ในรายการส่วนผสมของคุณค่ะ
ดังนั้น จึงไม่สามารถให้ขั้นตอนการผสมที่สมบูรณ์สำหรับสูตรตามที่คุณให้มาได้ เนื่องจากดูเหมือนจะขาดส่วนประกอบหลัก (ส่วนของน้ำมัน) และอาจขาดสารช่วยให้คงตัว (Disodium EDTA) ตามข้อกำหนดของส่วนผสมค่ะ
หากคุณสามารถระบุสูตรที่สมบูรณ์ซึ่งมีส่วนของน้ำมันด้วยได้ ฉันสามารถให้ขั้นตอนการผสมแบบละเอียดตามหลักการทำเครื่องสำอางทั่วไปสำหรับการสร้างเนื้อครีมด้วยส่วนผสมเหล่านี้ได้ค่ะ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Pep®-Coll (Palmitoyl tripeptide-5)

Pro Polymer™ (Gel Maker)

MOIST72™

WaterLock™ (Polyquaternium-51)

Activated Resorcinol™ (4-Butyl Resorcinol)

Luxury Cream Maker™

MSH White™ (Undecylenoyl phenylalanine)
