สูตรครีมรักษาสิว ฝ้า ริ้วรอย ทำให้เกิดสิวเม็ดเล็ก
คำถาม
ตอนนี้กำลังตั้งสูตรครีมที่มีส่วนผสมสำหรับรักษาสิว รักษาฝ้า และลดริ้วรอย แต่มีปัญหาว่าใช้แล้วจะมีสิวเม็ดเล็กๆ ขึ้นมา ทดสอบกับคนที่ไม่เคยมีปัญหาเรื่องสิวเลย เค้าจะมีสิวเสี้ยนกับสิวเม็ดเล็กๆ ขึ้นมา ไม่แน่ใจว่าเกิดจากตัวไหนในสูตร สงสัยว่าเกิดจาก:
- Liposome
- Vitamin A (Retinyl Palmitate)
มั๊ยคะ อยากจะขอคำแนะนำค่ะ
คำตอบ
สาเหตุที่เป็นไปได้ของการเกิดสิวในสูตรครีมของคุณ
เป็นเรื่องที่น่ากังวลเมื่อสูตรครีมใหม่ทำให้เกิดสิวที่ไม่คาดคิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่ปกติไม่มีปัญหาสิว ลองมาดูสาเหตุที่คุณสงสัยและสาเหตุอื่นๆ ที่เป็นไปได้
วิตามินเอ (Retinyl Palmitate)
อนุพันธ์ของวิตามินเอ รวมถึง Retinyl Palmitate มีประสิทธิภาพในการรักษาสิว ลดริ้วรอย และปรับปรุงสภาพผิว อย่างไรก็ตาม เมื่อเริ่มใช้ครั้งแรก โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ความเข้มข้นสูงหรือในผิวแพ้ง่าย บางครั้งอาจทำให้สิวเห่อขึ้นชั่วคราว ซึ่งมักเรียกว่า ''การขับสิว'' (purging) สิ่งนี้เกิดขึ้นเมื่อส่วนผสมเร่งการผลัดเซลล์ผิว ทำให้สิ่งอุดตันใต้ผิวถูกดันขึ้นมาที่ผิว
- Retinyl Palmitate โดยทั่วไปถือเป็นรูปแบบของวิตามินเอที่อ่อนโยนกว่าเมื่อเทียบกับ Retinol หรือ Retinoic Acid
- อัตราการใช้ที่แนะนำสำหรับ Retinyl Palmitate (1MIU/g) คือ 0.1-1.0% การใช้ความเข้มข้นสูงกว่า 1% มีคำเตือนว่าอาจทำให้เกิดการระคายเคืองผิวได้
เป็นไปได้ว่าความเข้มข้นของ Retinyl Palmitate ในสูตรของคุณสูงเกินไปสำหรับผู้ทดสอบ หรือผิวของพวกเขากำลังตอบสนองต่อการเริ่มใช้เรตินอยด์
ไลโปโซม (Liposome)
ไลโปโซมเป็นระบบนำส่งสารสำคัญ ซึ่งมักทำจากส่วนผสมเช่น Phosphatidylcholine แม้ว่าโครงสร้างของไลโปโซมเองมีโอกาสน้อยที่จะทำให้เกิดสิวโดยตรง แต่สารที่ถูกห่อหุ้มภายในไลโปโซม หรือส่วนผสมอื่นๆ ที่ใช้ในเนื้อครีมโดยรวม อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวได้
สาเหตุอื่นๆ ที่เป็นไปได้
- ส่วนผสมออกฤทธิ์อื่นๆ: สูตรของคุณมีเป้าหมายในการรักษาสิว ฝ้า และริ้วรอย ส่วนผสมบางอย่างที่ใช้สำหรับฝ้าหรือริ้วรอยอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองหรืออุดตันรูขุมขนในบางสภาพผิวได้
- ส่วนผสมในเบสครีม: เบสของสูตรครีมของคุณ (สารให้ความชุ่มชื้น, น้ำมัน, สารประสานเนื้อ, สารเพิ่มความข้น ฯลฯ) อาจมีส่วนผสมที่อุดตันรูขุมขนและนำไปสู่การเกิดสิวได้ แม้ในผิวที่ปกติไม่เป็นสิวง่าย การทดสอบเบสครีมโดยไม่มีส่วนผสมออกฤทธิ์บางครั้งสามารถช่วยแยกแยะสาเหตุได้
- ความเข้มข้นของสารออกฤทธิ์: แม้แต่ส่วนผสมที่มีประโยชน์ก็อาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรือสิวได้หากใช้ในความเข้มข้นที่สูงเกินไป
- การผสมผสานของสารออกฤทธิ์: ปฏิกิริยาระหว่างส่วนผสมออกฤทธิ์หลายชนิดที่มุ่งเป้าไปที่ปัญหาที่แตกต่างกัน (สิว ฝ้า ริ้วรอย) อาจนำไปสู่การระคายเคืองหรือปฏิกิริยาที่ไม่คาดคิดได้
ข้อแนะนำ
- ทบทวนความเข้มข้นของ Retinyl Palmitate: ตรวจสอบเปอร์เซ็นต์ของ Retinyl Palmitate ที่ใช้ในสูตรของคุณ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าอยู่ในช่วงที่แนะนำ (0.1-1.0%) และพิจารณาเริ่มจากความเข้มข้นที่ต่ำลง โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์วิตามินเอ
- ประเมินส่วนผสมในเบสครีม: ตรวจสอบส่วนผสมในเบสครีมของคุณหาสารที่ทราบว่าก่อให้เกิดการอุดตันรูขุมขน (comedogenic substances)
- แยกส่วนผสม: หากเป็นไปได้ ให้ลองทดสอบสูตรที่เรียบง่ายขึ้น (เช่น เบสครีมอย่างเดียว หรือเบสครีมที่มีส่วนผสมออกฤทธิ์ทีละชนิด) เพื่อช่วยระบุว่าส่วนประกอบใดอาจเป็นสาเหตุของปฏิกิริยา
- พิจารณาการปรับตัวของผิว: หากสิวมีขนาดเล็กและเกิดขึ้นชั่วคราว (การขับสิว) ผิวอาจปรับตัวได้เมื่อเวลาผ่านไป อย่างไรก็ตาม หากสิวยังคงอยู่หรือแย่ลง แสดงว่าสูตรไม่เหมาะสมหรือต้องปรับเปลี่ยน
การระบุสาเหตุที่แท้จริงต้องอาศัยการทบทวนสูตรทั้งหมดอย่างรอบคอบ และอาจต้องมีการทดสอบส่วนประกอบแต่ละอย่างอย่างเป็นระบบ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Vitamin A Palmitate (retinyl palmitate, 1MIU/g)

Retinol (100% Pure Powder)
