สูตรครีมลดฝ้า/ผิวขาว: การใช้งาน, การทำเนื้อเจล, และการใช้กันแดด
คำถาม
กำลังพัฒนาสูตรครีมสำหรับผิวขาวและลดฝ้า โดยมีส่วนผสมดังนี้:
- Activated Resorcinol 1%
- Tranexamic Acid 5%
- Vitamin B3
- N-acetyl glucosamine
- L-Carnitine
- LipidSoft
- Light Cream Maker
- Phenoxyethanol
- Citric Acid (สำหรับปรับ pH)
วิธีการผสมที่ตั้งใจไว้คือ จะละลายส่วนผสมที่ละลายน้ำ (Vitamin B3, N-acetyl glucosamine, Tranexamic Acid, L-Carnitine, Phenoxyethanol) ในเฟสน้ำก่อน แล้วปรับ pH ของเฟสน้ำด้วย Citric Acid จากนั้นจึงนำไปผสมกับเฟสน้ำมัน (Activated Resorcinol, LipidSoft, Light Cream Maker)
มีคำถามเกี่ยวกับสูตรนี้ดังนี้ครับ:
- สูตรนี้สามารถนำไปใช้ได้หรือไม่ และวิธีการผสมที่เสนอถูกต้องไหม โดยเฉพาะการปรับ pH ของเฟสน้ำก่อนนำไปรวมกับเฟสน้ำมัน?
- มีส่วนผสมใดในสูตรนี้ที่ทำงานซ้ำซ้อนกันและสามารถตัดออกได้หรือไม่?
- หากต้องการเปลี่ยนสูตรนี้ให้เป็นเนื้อเจลใสแทนที่จะเป็นเนื้อครีม ต้องเตรียมการอย่างไร?
- ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าจำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดร่วมด้วยเมื่อใช้สูตรนี้ รบกวนช่วยแนะนำว่าควรเพิ่มสารกันแดดตัวใดเข้าไปในสูตรนี้ หรือควรใช้ครีมกันแดดแยกต่างหากหลังจากทาครีมสูตรนี้ไปแล้ว?
คำตอบ
การวิเคราะห์สูตรสำหรับผิวขาวและแก้ฝ้า
มาวิเคราะห์สูตรของคุณสำหรับผิวขาวและแก้ฝ้า โดยตอบคำถามของคุณและประเด็นที่กล่าวถึงในการสนทนาครับ
1) สูตรนี้ใช้ได้ไหมครับ แล้วในการผสมในสูตรครีม ต้องนำส่วนผสมที่ละลายน้ำมาปรับ pH ก่อนหรือไม่ครับ
สูตรนี้มีส่วนผสมหลายชนิดที่มีประสิทธิภาพในการทำให้ผิวขาวและรักษาฝ้า ได้แก่ Activated Resorcinol (คาดว่าเป็นอนุพันธ์ เช่น 4-Butylresorcinol หรือ Phenylethyl Resorcinol), Tranexamic Acid, Vitamin B3 (Niacinamide) และ N-acetyl glucosamine ส่วน LipidSoft และ Light Cream Maker ใช้สำหรับเป็นเบสครีม, Phenoxyethanol เป็นสารกันเสีย และ Citric Acid สำหรับปรับ pH
การใช้งาน: แม้ว่าส่วนผสมจะมีประโยชน์ แต่ความเข้มข้นของ Tranexamic Acid ที่ 5% เกินกว่าข้อกำหนดสำหรับเครื่องสำอาง (3%) ในประเทศไทย และจะต้องจดแจ้งเป็นยา ความเข้มข้นของอนุพันธ์ Resorcinol ที่ 1% อยู่ในระดับสูงสุดที่แนะนำสำหรับผลิตภัณฑ์แบบ Leave-on และเมื่อใช้ร่วมกับสารออกฤทธิ์อื่นๆ อาจทำให้เกิดการระคายเคืองผิวได้ ควรพิจารณาประเด็นด้านกฎระเบียบและโอกาสในการระคายเคืองนี้ด้วยครับ
วิธีการผสม: วิธีการที่คุณเสนอคือการละลายส่วนผสมที่ละลายน้ำ (Vitamin B3, N-acetyl glucosamine, Tranexamic Acid, L-Carnitine, Phenoxyethanol) ในเฟสน้ำ และปรับ pH ก่อน นำไปผสมกับเฟสน้ำมัน (อนุพันธ์ Resorcinol, LipidSoft, Light Cream Maker) เป็น วิธีการที่ถูกต้องและแนะนำ การปรับ pH ในเฟสน้ำก่อนช่วยให้สารออกฤทธิ์ที่ละลายน้ำมีความเสถียรและมีประสิทธิภาพ และป้องกันปัญหาความหนืดและความเสถียรของเนื้อครีมที่อาจเกิดขึ้นได้เมื่อปรับ pH หลังการอิมัลชัน ดังที่กล่าวไว้ในการตอบกลับในฟอรั่มครับ
2) สูตรนี้มีตัวไหนทำงานซ้ำซ้อนกันครับ เผื่อว่าจะตัดทิ้ง
สูตรนี้ใช้ส่วนผสมหลายชนิดที่มุ่งเป้าไปที่การทำให้ผิวขาวและรักษาฝ้าผ่านกลไกที่แตกต่างกัน:
- Vitamin B3 (Niacinamide) และ N-acetyl glucosamine ทราบกันดีว่าทำงานเสริมฤทธิ์กันในการลดรอยดำและปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ การใช้ร่วมกันมีประโยชน์และไม่ถือว่าซ้ำซ้อนครับ
- Tranexamic Acid และ อนุพันธ์ Resorcinol (เช่น Activated Resorcinol หรือ Phenylethyl Resorcinol) ก็มุ่งเป้าไปที่กระบวนการสร้างเม็ดสีเช่นกัน แต่ผ่านการทำงานที่ต่างกัน (ยับยั้งพลาสมิน เทียบกับ ยับยั้งไทโรซิเนส) แม้ว่ากลไกจะไม่ซ้ำซ้อนกันโดยตรง แต่การใช้สารออกฤทธิ์ที่มีศักยภาพหลายชนิดในความเข้มข้นสูงจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการระคายเคืองโดยไม่จำเป็นต้องให้ประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นตามสัดส่วน คุณอาจพิจารณาปรับความเข้มข้นให้เหมาะสม หรือเลือกใช้สารออกฤทธิ์หลักเพียงชนิดเดียวและเสริมด้วยส่วนผสมเสริมฤทธิ์ เช่น Vitamin B3 และ N-acetyl glucosamine
- L-Carnitine ส่วนใหญ่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวและควบคุมความมัน ซึ่งอาจช่วยให้ผิวดูใสขึ้นทางอ้อม แต่บทบาทหลักในที่นี้ไม่ใช่การยับยั้งเม็ดสีโดยตรง
โดยรวมแล้ว แม้ว่าส่วนผสมบางชนิดจะมีเป้าหมายที่ทับซ้อนกัน แต่การผสมผสานระหว่าง Vitamin B3 และ N-acetyl glucosamine เป็นการเสริมฤทธิ์กัน การผสมผสานระหว่าง Tranexamic Acid และอนุพันธ์ Resorcinol อาจถือว่ามีศักยภาพสูง แต่ก็อาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้ในระดับความเข้มข้นเหล่านี้
3) หากต้องการทำเป็นเนื้อเจลใส ต้องเตรียมวิธีใดครับ
หากต้องการทำสูตรนี้ให้เป็นเนื้อเจลใส คุณจะต้องจัดการกับเฟสน้ำมัน (LipidSoft และอนุพันธ์ Resorcinol ที่ละลายในน้ำมัน) อิมัลซิไฟเออร์ทั่วไป เช่น Light Cream Maker จะสร้างอิมัลชันที่ไม่ใส (ครีมหรือโลชั่น)
ตามที่แนะนำในการตอบกลับในฟอรั่ม คุณจะต้องใช้ สารช่วยละลาย (Solubilizer) เช่น Flora Solve Clear หรือ Ultra Solve เพื่อช่วยกระจายส่วนผสมที่ละลายในน้ำมันในเฟสน้ำในลักษณะที่ทำให้ได้สารละลายที่ใส ซึ่งโดยทั่วไปต้องใช้สารช่วยละลายในอัตราส่วนที่ค่อนข้างสูง (มักจะ 2-5 เท่าของปริมาณเฟสน้ำมัน) โปรดทราบว่าการใช้สารช่วยละลายในความเข้มข้นสูงบางครั้งอาจทำให้รู้สึกเหนอะหนะหรือไม่น่าใช้บนผิว เมื่อเทียบกับเนื้อครีมอิมัลชัน
อีกทางเลือกหนึ่งคือการปรับสูตรใหม่ให้เป็นเจลใสโดยการตัดส่วนผสมเฟสน้ำมันออก (LipidSoft และอนุพันธ์ Resorcinol ที่ละลายในน้ำมัน) และใช้เฉพาะสารออกฤทธิ์ที่ละลายน้ำได้เท่านั้น (Tranexamic Acid, Vitamin B3, N-acetyl glucosamine, L-Carnitine, Phenoxyethanol) โดยใช้สารก่อเจลในเฟสน้ำที่เหมาะสม
ข้อควรพิจารณาที่สำคัญ: การป้องกันแสงแดด
ดังที่ได้กล่าวถึงในการสนทนา การใช้ส่วนผสมที่มีศักยภาพในการทำให้ผิวขาว โดยเฉพาะอนุพันธ์ Resorcinol อาจทำให้ผิวไวต่อแสงแดดมากขึ้น จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดอย่างเพียงพอทุกวัน เมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ เพื่อป้องกันการเกิดเม็ดสีเพิ่มขึ้นและปกป้องผิว โดยทั่วไปแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดแยกต่างหากหลังจากทาครีมบำรุงแล้ว แทนที่จะพยายามใส่สารกรองแสงแดดลงในสูตรนี้โดยตรง ซึ่งอาจมีความซับซ้อนและส่งผลต่อความเสถียรของสูตรได้
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)

GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine)

Light Cream Maker™

Phenoxyethanol (Extra Pure)

L-Carnitine (Carnitine)

LipidSoft™ C1215 (C12-15 alkyl benzoate)

Activated Resorcinol™ (4-Butyl Resorcinol)

Phenylethyl Resorcinol (e.q. SymWhite 377)

Tranexamic Acid (Trans-White™)

Citric Acid (Anhydrous, Natural)
