สูตรเจลล้างหน้าวิตามินซี

การสร้างเจลล้างหน้าวิตามินซีจำเป็นต้องเลือกใช้วิตามินซีรูปแบบที่มีความเสถียร สามารถเข้ากันได้ดีในสูตรทำความสะอาดแบบน้ำ และให้ประโยชน์ในการปรับผิวให้กระจ่างใสและเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ

แม้ว่า L-Ascorbic Acid บริสุทธิ์ (เช่น Vitamin C (L-ascorbic acid) (Fine)) จะมีประสิทธิภาพสูง แต่มีความเสถียรต่ำในน้ำและต้องการค่า pH ต่ำ (2.0-4.0) ซึ่งอาจระคายเคืองต่อผิวในผลิตภัณฑ์ล้างหน้า ส่วน Sodium Ascorbyl Phosphate (Vitamin C SAP) มีความเสถียรมากกว่า แต่ต้องการค่า pH ที่เป็นด่าง (7-9) ซึ่งไม่เหมาะสำหรับผิวเช่นกัน

ตัวเลือกที่เหมาะสมกว่าสำหรับเจลล้างหน้า เนื่องจากมีความเสถียรที่ดีกว่าและค่า pH ที่เป็นมิตรต่อผิวมากกว่า ได้แก่:

• Ethyl Ascorbic Acid (3-O-ethyl ascorbic acid, Vitamin C Ethyl Ether): เป็นอนุพันธ์วิตามินซีที่มีความเสถียรสูง ละลายน้ำได้ง่าย และใช้ได้ดีในสูตรที่มีค่า pH อยู่ในช่วง 3.5-6.0 มีประสิทธิภาพดีเยี่ยมในการปรับผิวให้กระจ่างใสและลดเลือนริ้วรอย
• Ascorbyl Glucoside (AA-2G Stabilized Vitamin C): เป็นวิตามินซีรูปแบบที่เสถียรและละลายน้ำได้อีกชนิดหนึ่ง ต้องการค่า pH อยู่ในช่วง 6.5-6.8 เพื่อความเสถียรสูงสุด และมีประสิทธิภาพในการปรับผิวให้ขาวกระจ่างใสและเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ

สำหรับสูตรเจลล้างหน้าทั่วไป จะประกอบด้วย:

1. ส่วนของน้ำ: น้ำบริสุทธิ์, วิตามินซีรูปแบบที่เลือกใช้ (เช่น Ethyl Ascorbic Acid หรือ Ascorbyl Glucoside) และอาจเพิ่มสารคีเลต (chelating agent) เช่น Disodium EDTA (โดยเฉพาะเมื่อใช้ Ethyl Ascorbic Acid หรือ SAP) เพื่อช่วยเพิ่มความเสถียร
2. สารทำความสะอาด: สารลดแรงตึงผิวที่อ่อนโยน เหมาะสำหรับใช้ทำความสะอาดผิวหน้า
3. สารก่อเจล: เพื่อสร้างเนื้อเจล (เช่น Carbomer, Xanthan Gum)
4. สารปรับค่า pH: เพื่อปรับค่า pH ของสูตรให้เหมาะสมกับวิตามินซีที่เลือกใช้และเข้ากันได้กับผิว
5. สารกันเสีย: เพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์
6. ส่วนเพิ่มเติม (ไม่บังคับ): สารให้ความชุ่มชื้น (เช่น Glycerin), สารปลอบประโลมผิว, น้ำหอม, สี

ในการผสม ควรปฏิบัติตามคำแนะนำวิธีการผสมและอัตราส่วนการใช้ที่แนะนำสำหรับวิตามินซีที่เลือกใช้ เพื่อให้มั่นใจในความเสถียรและประสิทธิภาพ