สูตรเจลโฮมเมด: ความเข้ากันได้ของส่วนผสม กลิ่น และสารสร้างเนื้อเจล
คำถาม
ฉันได้สร้างสูตรเจลขึ้นมาสองสูตรและมีคำถามเกี่ยวกับสูตรเหล่านี้ค่ะ:
สูตรที่ 1: เจลลดเลือนริ้วรอย
- เบสเจลว่านหางจระเข้
- Green Tea Extract EGCG 3%
- Gotu Kola (Centella Asiatica) Extract 5%
- Homeostatine® (สารสกัดจากสาหร่ายใต้ทะเล) 5%
คำถาม: สาร Anti-Aging สองตัว (Gotu Kola และ Homeostatine) ซ้ำซ้อนกันเกินไปหรือไม่?
สูตรที่ 2: เจลทาได้ทั้งหน้าและตัว
- เบสเจลว่านหางจระเข้
- Azelaic Acid 10%
- Natural Moisturizing Amino Acids 5%
- Calendula Extract 5%
- สารสกัดจากรากชะเอมเทศ (Licochalcone A) 0.5%
คำถาม:
- สูตรนี้ใช้ได้ทั้งหน้าและตัวหรือไม่?
- กลิ่นเค็มๆ มาจากอะไร?
- สามารถใส่น้ำหอมที่คุณใช้อยู่ลงไปในขวดแล้วเขย่าได้เลยหรือไม่?
นอกจากนี้ ฉันอยากทำความเข้าใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับสารสร้างเนื้อเจล เช่น Pro Polymer, Xanthan Gum และ Organic Natural Thickener โดยเฉพาะเรื่องความสามารถในการทนอิเล็กโทรไลต์ค่ะ
คำตอบ
การวิเคราะห์สูตรเจลโฮมเมดของคุณ
เป็นเรื่องที่ดีมากที่คุณได้ทดลองสร้างสรรค์สูตรสกินแคร์ของตัวเอง! เรามาวิเคราะห์เจลทั้งสองสูตรของคุณและตอบคำถามที่คุณสงสัยกันค่ะ
สูตรที่ 1: เจลลดเลือนริ้วรอย
- ส่วนประกอบ: เบสเจลว่านหางจระเข้, Green Tea Extract EGCG 3%, Gotu Kola (Centella Asiatica) Extract 5%, Homeostatine® (สารสกัดจากสาหร่ายใต้ทะเล) 5%.
- คำถาม: สาร Anti-Aging สองตัว (Gotu Kola และ Homeostatine) ซ้ำซ้อนกันเกินไปหรือไม่?
Green Tea Extract (EGCG) เป็นที่รู้จักหลักๆ ในด้านคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและควบคุมความมัน แม้จะมีคุณสมบัติต้านการอักเสบด้วย Gotu Kola Extract (Centella Asiatica) มีชื่อเสียงในด้านการต้านการอักเสบ ลดการระคายเคือง และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ซึ่งช่วยเรื่อง Anti-Aging และการฟื้นฟูผิว ส่วน Homeostatine (ซึ่งมักเป็นสารสกัดจากทะเล) มักใช้เพื่อคุณสมบัติในการยกกระชับและลดเลือนริ้วรอย โดยทำงานกับโครงสร้างภายนอกเซลล์ผิว (extracellular matrix) แม้ว่า Gotu Kola และ Homeostatine จะมีเป้าหมายในการจัดการกับสัญญาณแห่งวัยเหมือนกัน แต่ก็น่าจะทำงานผ่านกลไกทางชีววิทยาที่แตกต่างกัน การใช้ทั้งสองตัวร่วมกันสามารถให้ผลลัพธ์ Anti-Aging ที่ครอบคลุมมากขึ้น โดยดูแลในด้านที่แตกต่างกัน เช่น การผลิตคอลลาเจนและความกระชับของผิว นอกเหนือจากคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระจาก Green Tea Extract ดังนั้น สารทั้งสองตัวจึงไม่จำเป็นต้องซ้ำซ้อนกัน และสามารถเสริมฤทธิ์กันเพื่อให้ประโยชน์ที่ครบถ้วนต่อสุขภาพผิวได้ค่ะ
น่ายินดีด้วยนะคะที่สูตรแรกของคุณประสบความสำเร็จ ทำให้ผิวหน้านุ่ม ชุ่มชื้น และช่วยให้เครื่องสำอางติดทนดีขึ้น!
สูตรที่ 2: เจลทาได้ทั้งหน้าและตัว
- ส่วนประกอบ: เบสเจลว่านหางจระเข้, Azelaic Acid 10%, Natural Moisturizing Amino Acids 5%, Calendula Extract 5%, สารสกัดจากรากชะเอมเทศ (Licochalcone A) 0.5%.
- คำถาม: สูตรนี้ใช้ได้ทั้งหน้าและตัวหรือไม่? กลิ่นเค็มๆ มาจากอะไร? สามารถใส่น้ำหอมลงไปในขวดแล้วเขย่าได้เลยหรือไม่?
สำหรับคำถามเรื่องการใช้สูตรนี้ได้ทั้งหน้าและตัว คำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ถูกต้องแล้วค่ะ เนื่องจากมีส่วนประกอบของ Azelaic Acid ซึ่งอาจทำให้ผิวไวต่อแสงแดดมากขึ้น เจลนี้จึงเหมาะสมที่สุดสำหรับใช้ เฉพาะตอนกลางคืน ทั้งสำหรับผิวหน้าและผิวกายค่ะ
สำหรับกลิ่นเค็มๆ ที่คุณพบ คุณสงสัยว่าอาจมาจากสารสกัดจากรากชะเอมเทศ (Licorice Extract) จากข้อมูลคุณสมบัติของส่วนประกอบต่างๆ สารสกัดจากรากชะเอมเทศ (Licochalcone A) โดยทั่วไปแล้วไม่ค่อยมีกลิ่นฉุนหรือไม่พึงประสงค์ค่ะ เบสเจลว่านหางจระเข้ที่คุณใช้มีแนวโน้มที่จะใช้สารสร้างเนื้อเจลที่เรียกว่า Pro Polymer ซึ่ง Pro Polymer เป็นที่ทราบกันดีว่ามีกลิ่นเฉพาะตัวที่บางคนอาจไม่ชอบ นอกจากนี้ Natural Moisturizing Amino Acids ก็อาจมี "กลิ่นตามธรรมชาติ" ซึ่งอาจมีส่วนทำให้เกิดกลิ่นที่คุณรู้สึกได้ ดังนั้น กลิ่นดังกล่าวน่าจะมาจากสารสร้างเนื้อเจล (Pro Polymer) ในเบสเจลเป็นหลัก และอาจมีกลิ่นตามธรรมชาติของ Amino Acids เข้ามาร่วมด้วย มากกว่าที่จะมาจากสารสกัดจากรากชะเอมเทศค่ะ
ส่วนคำถามเรื่องการใส่น้ำหอมที่คุณใช้อยู่ลงไปโดยตรงนั้น ตามที่เจ้าหน้าที่ได้แจ้งไป หากเป็นน้ำหอมชนิดที่ละลายน้ำได้ คุณสามารถเติมปริมาณเล็กน้อยลงในเจลแล้วคนหรือเขย่าเบาๆ ให้เข้ากันได้ค่ะ นี่เป็นวิธีปกติในการเติมน้ำหอมลงในผลิตภัณฑ์ที่เป็นเบสน้ำ และการเติมในปริมาณน้อยๆ ไม่น่าจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความคงตัวหรืออายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเบสเจลมีสารกันเสียอยู่แล้ว
การอภิปรายเรื่องสารสร้างเนื้อเจล
คุณยังได้สอบถามเกี่ยวกับสารสร้างเนื้อเจลอย่าง Pro Polymer, Xanthan Gum และ Organic Natural Thickener และความสามารถในการทนอิเล็กโทรไลต์ คำอธิบายเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ช่วยให้เข้าใจได้ชัดเจนขึ้นค่ะ แม้ว่าสารสร้างเนื้อเจลแต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติแตกต่างกันไป แต่ Pro Polymer เป็นที่ทราบว่ามีความสามารถในการทนอิเล็กโทรไลต์ได้ดี ซึ่งหมายความว่าสามารถคงความหนืดได้ดีในสูตรที่มีเกลือหรือส่วนประกอบที่มีไอออนอื่นๆ เมื่อเทียบกับสารเพิ่มความหนืดบางชนิด อย่างไรก็ตาม ตามที่ได้กล่าวไป Pro Polymer อาจมีกลิ่นและอาจต้องใช้วิธีการผสมที่เฉพาะเจาะจง (เช่น การใช้เครื่องปั่น) เพื่อให้ขึ้นเนื้อเจลได้ดี Xanthan Gum เป็นอีกหนึ่งสารเพิ่มความหนืดที่ละลายน้ำได้ดีและทนอิเล็กโทรไลต์ได้ดีเช่นกัน แต่บางชนิดอาจให้เนื้อสัมผัสที่เหนอะหนะหรือยืดๆ ส่วน Organic Natural Thickener ก็สามารถเพิ่มความหนืดและทนอิเล็กโทรไลต์ได้ แต่เนื้อเจลที่ได้อาจมีลักษณะขุ่น การเลือกใช้สารสร้างเนื้อเจลจึงขึ้นอยู่กับเนื้อสัมผัสที่ต้องการ ความใส ความเข้ากันได้กับส่วนประกอบอื่นๆ (โดยเฉพาะอิเล็กโทรไลต์) ความสะดวกในการใช้งาน และกลิ่นที่ยอมรับได้ในผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปค่ะ
เป็นเรื่องที่ดีมากที่คุณได้เรียนรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับส่วนประกอบต่างๆ และพฤติกรรมของมันในสูตรของคุณนะคะ การทดลองเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาสูตรที่ตรงกับความต้องการและความชอบเฉพาะตัวของคุณค่ะ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Licorice Extract (Licochalcone A 1%, Water-Soluble)

Calendula Extract (Water Soluble)

Aloe Vera Gel (Heavy)

Natural Moisturizing Amino Acids (e.q. Prodew 400)

Xanthan Gum (ชนิดเจลใส, เนื้อเนียนไม่ยืด)

Azelaic Acid (Liquid Azelaic™)

Pro Polymer™ (Gel Maker)

Hi-EGCG™ (Green Tea Extract)

Centella Asiatica Extract (Madecassoside 90%)

Pro Polymer™ Silk

Aloe Vera Gel (Lite)

Hi-LiconeA™ Licorice Extract (Licochalcone A 20%)
