สูตรเซรั่มวิตามินซี: เนื้อสัมผัสและความเสถียร

ถามโดย: borifle เมื่อ: July 24, 2015 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

มีสูตรเซรั่มวิตามินซีที่ต้องการสอบถามเกี่ยวกับเนื้อสัมผัสและความเสถียรค่ะ สูตรมีส่วนประกอบดังนี้:

  • Water: 77%
  • SiliSolve™: 1%
  • Cyclomethicone: 5%
  • Pro Polymer™: [สัดส่วนที่ผู้ใช้ระบุ]
  • Vitamin C (L-ascorbic acid) Ultra-Fine: 15%

คำถามคือ:

  1. สูตรนี้จะได้เนื้อสัมผัสเป็นเจลข้นหรือไม่คะ?
  2. อายุการเก็บรักษาหรือความเสถียรของสูตรเป็นอย่างไร โดยเฉพาะวิตามินซี (L-ascorbic acid) เมื่อมีน้ำเป็นส่วนประกอบถึง 77%?
  3. สูตรนี้จะเหมาะกับผิวมันหรือไม่ หรือจะมีความเหนอะหนะน้อยกว่าสูตร C E Ferulic หรือเปล่าคะ?

คำตอบ

ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับสูตร: วิตามินซีเซรั่ม

จากส่วนผสมที่ให้มาและคุณสมบัติของส่วนผสมแต่ละชนิด สูตรที่เสนอซึ่งประกอบด้วย น้ำ, SiliSolve™, Cyclomethicone, Pro Polymer™, และ Vitamin C (L-ascorbic acid) Ultra-Fine มีแนวโน้มที่จะได้เนื้อสัมผัสแบบเซรั่มที่บางเบา มากกว่าเจลข้น

  • เนื้อสัมผัส: SiliSolve™ ถูกออกแบบมาเพื่อเชื่อมเฟสน้ำและซิลิโคนเข้าด้วยกัน ทำให้ได้เนื้อสัมผัสแบบเซรั่มหรือครีม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีสัดส่วนน้ำสูงถึง 77% และมี Cyclomethicone อยู่ด้วย Cyclomethicone เป็นซิลิโคนน้ำหนักเบาที่ระเหยเร็ว ให้ความรู้สึกนุ่มลื่น ไม่เหนอะหนะ เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวมัน และตอบโจทย์ความกังวลของคุณเกี่ยวกับความมันของสูตร C E Ferulic ส่วน Pro Polymer™ เป็นสารก่อเจลในเฟสน้ำ แต่ในระบบอิมัลชันน้ำในซิลิโคนนี้ ซึ่งมี SiliSolve™ เป็นตัวช่วยหลัก ผลของการก่อเจลของ Pro Polymer™ อาจจะไม่เด่นชัดเท่าที่ควร ซึ่งสอดคล้องกับข้อเสนอแนะจากทีมงานว่าอาจไม่จำเป็นต้องใช้ Pro Polymer™ เพื่อให้ได้เนื้อเซรั่มที่บางเบา
  • ความเสถียรและการเกิดออกซิเดชัน: L-ascorbic acid (วิตามินซี) เป็นสารที่มีประสิทธิภาพสูง แต่ไม่เสถียรโดยธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสูตรที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก (เช่น สูตรนี้ที่มีน้ำ 77%) มีแนวโน้มที่จะเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันได้ง่ายเมื่อสัมผัสกับน้ำ แสง ความร้อน และอากาศ ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพลดลงและอาจเกิดการเปลี่ยนสีได้ แม้ว่าการควบคุมค่า pH ให้อยู่ในช่วงต่ำ (2.0-4.0) จะมีความสำคัญต่อความเสถียรและประสิทธิภาพของ L-ascorbic acid แต่ก็ไม่สามารถป้องกันการเกิดออกซิเดชันได้ทั้งหมด ความเร็วในการเสื่อมสภาพขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อมและสภาวะการเก็บรักษาเป็นอย่างมาก

เพื่อยืดอายุการเก็บรักษาและความเสถียรของวิตามินซีในสูตรนี้ ควรพิจารณา:

  • ใช้บรรจุภัณฑ์แบบทึบแสงและปิดสนิท เพื่อลดการสัมผัสกับอากาศและแสง
  • เก็บผลิตภัณฑ์ในที่เย็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตู้เย็น (อุณหภูมิ 6-8°C) ตามคำแนะนำสำหรับการเก็บรักษา L-ascorbic acid
  • เพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ (เช่น Ferulic Acid หรือ Vitamin E หากเข้ากันได้กับเนื้อสัมผัสที่ไม่เหนอะหนะ หรือสารต้านอนุมูลอิสระที่ละลายน้ำได้) และสารคีเลต (chelating agents) เพื่อช่วยป้องกันวิตามinซีจากการเสื่อมสภาพ

โดยสรุป สูตรนี้ควรให้เนื้อเซรั่มที่บางเบา ไม่เหนอะหนะ เหมาะสำหรับผิวมัน แต่ความเสถียรของ L-ascorbic acid จะเป็นความท้าทายหลัก และอายุการเก็บรักษาจะขึ้นอยู่กับการปรับปรุงสูตรและสภาวะการเก็บรักษาอย่างมาก

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Vitamin C E Ferulic
Vitamin C E Ferulic
เครื่องสำอาง
Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)
Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)
เครื่องสำอาง
Cyclopentasiloxane (Low-Odor Cyclomethicone)
Cyclopentasiloxane (Low-Odor Cyclomethicone)
เครื่องสำอาง
Pro Polymer™ (Gel Maker)
Pro Polymer™ (Gel Maker)
เครื่องสำอาง
SiliSolve™ (PEG-10 Dimethicone, Odorless)
SiliSolve™ (PEG-10 Dimethicone, Odorless)
เครื่องสำอาง