สูตรเซรั่มเนื้อใส: ความเข้ากันได้ ความคงตัว และเนื้อสัมผัส
คำถาม
ต้องการพัฒนาสูตรเซรั่มเนื้อใสบางเบาที่มีส่วนผสมออกฤทธิ์หลายชนิด เช่น Phenylethyl Resorcinol, Shea Butter Water, Niacinamide, Acetyl Glucosamine, 4D Hyaluronic Acid เป็นต้น อยากสอบถามเกี่ยวกับความเข้ากันได้และการละลายของ Phenylethyl Resorcinol และ Shea Butter Water ในสูตรนี้ ความจำเป็นในการใช้ ActiveProtec UV เมื่อบรรจุในขวดทึบแสง และคำแนะนำในการปรับปรุงเนื้อสัมผัสและคุณภาพโดยรวมของสูตรให้ดียิ่งขึ้น
คำตอบ
ข้อเสนอแนะสำหรับสูตรเซรั่ม
ขอบคุณที่แบ่งปันสูตรเซรั่มของคุณครับ สูตรนี้มีการผสมผสานส่วนผสมออกฤทธิ์ที่ดีที่เน้นเรื่องความกระจ่างใสและความชุ่มชื้น ผมจะให้ข้อเสนอแนะตามคำถามและส่วนประกอบในสูตรของคุณนะครับ
ความเข้ากันได้และการละลายของส่วนผสม
คุณสอบถามเกี่ยวกับความเข้ากันได้ของส่วนผสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งว่า Phenylethyl Resorcinol (1%) และ Shea Butter Water (5%) จะละลายเข้ากันได้ดีในสูตรนี้หรือไม่
- Phenylethyl Resorcinol ส่วนใหญ่ละลายได้ในน้ำมัน คำอธิบายผลิตภัณฑ์แนะนำให้ผสมในสูตรที่มีเฟสน้ำมัน หรือเติมในขั้นตอนสุดท้ายของครีมหรือโลชั่น สำหรับสูตรเจล ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าสูตร ต้อง มีน้ำมันเพื่อช่วยในการละลาย
- Shea Butter Water เป็นน้ำมันที่ละลายน้ำได้ หมายความว่าสามารถกระจายตัวในน้ำได้ แต่ก็ยังคงได้มาจากน้ำมัน
- Dimethyl Isosorbide (DMI) ซึ่งคุณใส่มา 3% เป็นตัวทำละลายที่สามารถช่วยละลายส่วนผสมต่างๆ ได้ รวมถึงส่วนผสมที่ละลายในน้ำได้ยาก คำอธิบายผลิตภัณฑ์ของ DMI ระบุว่าสามารถช่วยละลาย Phenylethyl Resorcinol และเพิ่มการซึมผ่านเข้าสู่ผิวได้
เนื่องจากสูตรของคุณเป็นเจลพื้นฐานเป็นน้ำ (ใช้ Pro Polymer™) และมี Shea Butter Water และ DMI การละลาย Phenylethyl Resorcinol 1% อาจจะ เป็นไปได้ อย่างไรก็ตาม การทำให้เซรั่มใสและคงตัวอย่างสมบูรณ์ต้องอาศัยการผสมอย่างระมัดระวังและการทดสอบ ไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะละลายได้หมดหรือคงตัวในเบสที่เป็นน้ำปริมาณมากและมีน้ำมันน้อยเช่นนี้ โดยที่ไม่มีเฟสน้ำมันที่เพียงพอหรือการปรับสูตรเพิ่มเติม คุณควรทำการทดลองทำในปริมาณน้อยเพื่อตรวจสอบความใสและความคงตัวเมื่อเวลาผ่านไป
ความจำเป็นของ ActiveProtec™ UV ในขวดทึบแสง
คุณใช้ทั้ง ActiveProtec™ UV (1%) และ ActiveProtec™ OX (1%) และสอบถามว่า ActiveProtec™ UV จำเป็นหรือไม่เมื่อเก็บในขวดสีน้ำตาลเข้ม
- ActiveProtec™ UV เป็นการผสมผสานระหว่างสารกันแดดและสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องส่วนผสมในสูตรจากการเสื่อมสภาพที่เกิดจากแสง UV และการเกิดออกซิเดชัน
- ActiveProtec™ OX เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่แนะนำเป็นพิเศษสำหรับการปกป้องส่วนผสมที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใส (เช่น กลุ่ม Resorcinol ซึ่งรวมถึง Phenylethyl Resorcinol) จากการเปลี่ยนสีเนื่องจากการเกิดออกซิเดชัน
- ขวดสีน้ำตาลเข้มช่วยป้องกันแสง UV ได้อย่างมีนัยสำคัญ ลดความจำเป็นในการใช้สารกันแดด ในขวด เพื่อปกป้องสูตรจากการสัมผัสแสง
แม้ว่าขวดทึบแสงจะลดความจำเป็นในการป้องกันแสง UV จาก ActiveProtec™ UV แต่ ActiveProtec™ UV ก็ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่ด้วย ActiveProtec™ OX มีความเกี่ยวข้องอย่างมากกับสูตรของคุณ เนื่องจากช่วยปกป้องสารที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใสจากการเกิดออกซิเดชัน ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่ขึ้นกับการสัมผัสแสง การคง ActiveProtec™ OX ไว้จึงเป็นสิ่งแนะนำเพื่อรักษาความคงตัวและประสิทธิภาพของส่วนผสมที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใสของคุณ
ActiveProtec™ UV อาจไม่จำเป็นต้องใส่ในขวดทึบแสง หาก ActiveProtec™ OX และส่วนผสมอื่นๆ ให้การป้องกันการเกิดออกซิเดชันที่เพียงพอ แต่การใส่ไว้ก็ช่วยเพิ่มประโยชน์ด้านสารต้านอนุมูลอิสระอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งโดยทั่วไปแล้วเป็นประโยชน์สำหรับสูตรที่ซับซ้อนซึ่งมีส่วนผสมออกฤทธิ์หลายชนิด ไม่จำเป็นต้องใส่ ActiveProtec™ UV เพื่อป้องกันแสง UV ของสูตรเองเมื่อใช้ขวดทึบแสง แต่ส่วนประกอบที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระก็ยังคงเป็นประโยชน์ ควรคง ActiveProtec™ OX ไว้เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับการปกป้องส่วนผสมที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใสจากการเกิดออกซิเดชันในสูตรนี้
ข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงสูตร
สูตรของคุณมีความสมบูรณ์ ครอบคลุมทั้งเรื่องความกระจ่างใสและความชุ่มชื้น นี่คือข้อควรพิจารณาสำหรับการปรับปรุงเพิ่มเติม:
- เนื้อสัมผัส (Pro Polymer™): คุณใช้ Pro Polymer™ ที่ 0.5% คำอธิบายผลิตภัณฑ์แนะนำ 0.8% สำหรับเนื้อเจลทั่วไป และระบุว่าการมีอิเล็กโทรไลต์ (เช่น Disodium EDTA และ Zinc Glycinate ในสูตรของคุณ) อาจต้องเพิ่มความเข้มข้นเป็น 2-3% เพื่อให้ได้ความหนืดที่ต้องการ หากคุณต้องการเนื้อเซรั่มที่ข้นขึ้น คุณอาจต้องเพิ่มเปอร์เซ็นต์ของ Pro Polymer™ และสังเกตว่าการขึ้นเจลเป็นอย่างไรเมื่อใช้ร่วมกับส่วนผสมเฉพาะของคุณ
- ค่า pH: ความคงตัวและประสิทธิภาพของส่วนผสมสำคัญหลายชนิดขึ้นอยู่กับค่า pH Phenylethyl Resorcinol มีความคงตัวที่สุดที่ pH 4-5 Safe-B3™ (Niacinamide) และ GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine) ทำงานได้ดีที่สุดในช่วง pH 4-7 ActiveProtec™ OX ต้องการ pH สูงกว่า 4 คุณควรตรวจสอบค่า pH สุดท้ายของสูตรหลังจากผสมส่วนผสมทั้งหมดแล้ว และปรับให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสม ซึ่งควรอยู่ที่ประมาณ pH 4-5 เพื่อให้แน่ใจว่าส่วนผสมออกฤทธิ์ของคุณมีประสิทธิภาพและความคงตัวสูงสุด
- การทำงานร่วมกันของส่วนผสม: การผสมผสานระหว่าง Safe-B3™ และ GlucoBright™ เป็นที่ทราบกันดีว่าทำงานร่วมกันได้ดีในการช่วยให้ผิวกระจ่างใสและเพิ่มความชุ่มชื้น Phenylethyl Resorcinol และ Z-White™ มุ่งเป้าไปที่กระบวนการสร้างเม็ดสีในแง่มุมที่แตกต่างกัน ซึ่งเป็นแนวทางที่ดีสำหรับการเพิ่มความกระจ่างใสอย่างครอบคลุม
- การซึมผ่านและความรู้สึกบนผิว: DMI ที่ 3% ควรช่วยเพิ่มการซึมผ่านของส่วนผสมออกฤทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ WaterSoft™ ช่วยให้รู้สึกสบายผิว ไม่เหนอะหนะในสูตรที่เป็นน้ำ 4D Hyaluronic Acid ให้ความชุ่มชื้นหลายระดับ Allantoin ช่วยปลอบประโลมผิวได้ดี
- สารกันเสีย: Mild Preserved Eco™ ที่ 1% เป็นอัตราการใช้มาตรฐาน แต่แนะนำให้ทำการทดสอบ Challenge Test เสมอ เพื่อยืนยันว่าสามารถป้องกันเชื้อจุลินทรีย์ได้อย่างเพียงพอสำหรับสูตรเฉพาะของคุณ
โดยรวมแล้ว สูตรของคุณมีพื้นฐานที่ดี การเน้นการปรับเนื้อสัมผัสโดยอาจเพิ่ม Pro Polymer™ และการตรวจสอบและปรับค่า pH ให้เหมาะสมกับความคงตัวและประสิทธิภาพของส่วนผสมออกฤทธิ์ จะช่วยให้คุณได้ผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้น อย่าลืมทำการทดสอบความคงตัวของสูตรสุดท้ายของคุณด้วยครับ
หวังว่าข้อเสนอแนะโดยละเอียดนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับการพัฒนาสูตรเซรั่มของคุณนะครับ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)

Allantoin

GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine)

Disodium EDTA

Pro Polymer™ (Gel Maker)

Shea Butter Water

Phenylethyl Resorcinol (e.q. SymWhite 377)

Mild Preserved Eco™ (Preservative-Free)

WaterSoft™ (PEG/PPG-17/6 copolymer)

Odor-Kill™

Dimethyl Isosorbide (DMI)

4D Hyaluronic Acid

ActiveProtec™ UV

Z-White™
