สูตรเซรั่ม: ปัญหาเนื้อสัมผัสและส่วนผสมทางเลือกสำหรับลดริ้วรอย/ผิวขาวใส

ถามโดย: kc76571 เมื่อ: June 27, 2013 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

กำลังพัฒนาสูตรเซรั่มอยู่ครับ มีข้อสงสัยเกี่ยวกับเนื้อสัมผัสและส่วนผสมทางเลือกครับ

  1. เมื่อทาไปแล้วรู้สึกหนืดๆ เหนอะๆ นิดหน่อย ไม่แน่ใจว่ามาจาก Hyaluronic Acid (Standard Molecule) หรือ Green Tea Extract เป็นหลักครับ
  2. ถ้าหากต้องการเปลี่ยนสูตร โดยไม่ใช้ Apple Stem Cell Extract และ Green Tea Extract สามารถใช้สารตัวไหนได้บ้างครับ ที่มีคุณสมบัติคล้ายกันมากที่สุดและให้ผล ใกล้เคียงกัน หรือดีกว่า ในการช่วยเรื่องหน้าหมองคล้ำ มีฝ้า กระแดด และริ้วรอย สำหรับผิวผสม (บางคนผิวผสมแต่ขาดน้ำ) และผิวแห้ง ในช่วงอายุ 28-60 ปีครับ
  3. ถ้าจะเปลี่ยน Base จาก Hyaluronic Acid (Standard Molecule) เป็น Aloe Vera Gel ได้หรือเปล่าครับ (อยากจะให้ใช้ได้กับผิวทั้ง 2 แบบ)
  4. (อิงจากที่ Staff กล่าวถึง Pro Polymer) ควรใช้ Pro Polymer ในสูตรเซรั่มนี้อย่างไรครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าสูตรมีส่วนผสมที่มี Electrolyte สูง (เช่น Sodium Lactate) หรือมี pH ต่ำ?

คำตอบ

คำแนะนำสำหรับสูตรเซรั่มและส่วนผสมทางเลือก

จากคำถามของคุณเกี่ยวกับสูตรเซรั่มที่คุณทำเอง ความรู้สึกหนืดหลังทา ส่วนผสมทางเลือกสำหรับลดเลือนฝ้า กระ ริ้วรอย และการเปลี่ยนเบสเป็น Aloe Vera Gel ขอให้คำแนะนำดังนี้ครับ

ปัญหาความหนืดของเซรั่ม

ความรู้สึกหนืดที่คุณพบหลังจากทาเซรั่มนั้น ส่วนใหญ่มาจาก Hyaluronic Acid (Standard Molecule) ที่คุณใส่ไป 1% ครับ Hyaluronic Acid ชนิดโมเลกุลมาตรฐานมีคุณสมบัติในการสร้างเนื้อเจลและช่วยอุ้มน้ำให้ผิวได้ดีมาก ซึ่งเหมาะสำหรับผิวแห้ง แต่สำหรับผิวผสมหรือผิวมัน อาจทำให้รู้สึกหนืดเหนอะหนะได้บ้างครับ สารสกัดชาเขียว (Green Tea Extract) ก็อาจมีส่วนทำให้เนื้อหนักขึ้นได้เช่นกัน แต่ Hyaluronic Acid เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดความหนืดครับ

ส่วนผสมทางเลือกสำหรับลดเลือนฝ้า กระ ริ้วรอย

หากต้องการปรับสูตรโดยไม่ใช้ Apple Stem Cell Extract และ Green Tea Extract และมองหาส่วนผสมที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงหรือดีกว่า ในการช่วยเรื่องความกระจ่างใส ลดเลือนฝ้า กระแดด และริ้วรอย สำหรับผิวผสม ผิวแห้ง และผิวผสมขาดน้ำ ในช่วงอายุ 28-60 ปี สามารถพิจารณาส่วนผสมเหล่านี้ได้ครับ:

  • Ethyl Ascorbic Acid (3-O-ethyl ascorbic acid, Vitamin C Ethyl Ether): เป็นอนุพันธ์วิตามินซีที่มีความเสถียรสูง ละลายน้ำได้ดี มีประสิทธิภาพในการช่วยให้ผิวกระจ่างใส ลดเลือนจุดด่างดำ ฝ้า กระ และมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยได้ เหมาะสำหรับใช้ในสูตร Whitening และ Anti-aging
  • Licorice Extract (Glabridin 4.5%, Water-Soluble): สารสกัดจากชะเอมเทศที่มี Glabridin เป็นสารสำคัญ มีคุณสมบัติโดดเด่นในการช่วยให้ผิวกระจ่างใส ลดเลือนจุดด่างดำ และยังมีฤทธิ์ต้านการระคายเคือง ช่วยปลอบประโลมผิวได้ดี
  • Pep-Even™ (Tetrapeptide-30): เป็นเปปไทด์ที่ช่วยให้สีผิวสม่ำเสมอและกระจ่างใสขึ้น โดยมีกลไกในการยับยั้งการเคลื่อนที่ของเม็ดสีเมลานินไปยังเซลล์ผิวชั้นบน (keratinocytes) จึงช่วยลดเลือนจุดด่างดำและรอยหมองคล้ำได้
  • Pep®-Coll (Palmitoyl tripeptide-5): เป็นเปปไทด์ที่ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว ช่วยลดเลือนริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีผลการทดลองที่แสดงให้เห็นว่าช่วยลดริ้วรอยทั้งด้านกว้าง ความยาว และความลึกได้
  • Astaxanthin (2.0% Algae Extract, Water Dispersed Powder): เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลังมาก ช่วยปกป้องผิวจากความเสียหายจากแสงแดด (UV) เพิ่มความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นให้ผิว ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้น

คุณสามารถเลือกใช้ส่วนผสมเหล่านี้เดี่ยวๆ หรือใช้ร่วมกันในสูตร เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการดูแลปัญหาผิวที่คุณและกลุ่มผู้ทดลองพบเจอได้ครับ

การเปลี่ยน Base จาก Hyaluronic Acid เป็น Aloe Vera Gel

สามารถทำได้ครับ การเปลี่ยน Base จาก Hyaluronic Acid (Standard Molecule) เป็น Aloe Vera Gel จะช่วยให้เนื้อสัมผัสของเซรั่มเบาบางลง ไม่เหนอะหนะเท่า Hyaluronic Acid ชนิดโมเลกุลมาตรฐาน ทำให้รู้สึกสบายผิวมากขึ้น และสามารถใช้ได้ดีกับผิวทั้งสองแบบที่คุณกล่าวถึง (ผิวผสมและผิวแห้ง) อย่างไรก็ตาม Hyaluronic Acid ก็มีข้อดีคือเหมาะมากสำหรับคนผิวแห้ง หรือใช้ทาตอนกลางคืน เพราะช่วยอุ้มน้ำไว้กับผิวได้ดีมากครับ การเลือกใช้ Base จึงขึ้นอยู่กับความรู้สึกและผลลัพธ์ที่คุณต้องการเป็นหลักครับ

หากใช้ Pro Polymer เป็น Thickener ในสูตรเซรั่ม (ตามที่คุณเคยสอบถามเรื่อง AHA Gel) สามารถทำได้เช่นกันครับ โดยทั่วไป Pro Polymer สามารถใช้ผสมได้ทั้งในขั้นตอนแรก (ในน้ำ) หรือขั้นตอนสุดท้าย แต่หากสูตรมีส่วนผสมที่มี Electrolyte สูง (เช่น Sodium Lactate) หรือมี pH ต่ำ (เช่น AHA) ควรผสม Pro Polymer ในน้ำเปล่าให้ขึ้นเจลก่อน แล้วจึงค่อยๆ เติมส่วนผสมอื่นๆ ลงไป เพื่อให้ Pro Polymer ทำงานในการสร้างเนื้อเจลได้อย่างเต็มที่ครับ

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Pep®-Coll (Palmitoyl tripeptide-5)
Pep®-Coll (Palmitoyl tripeptide-5)
เครื่องสำอาง
Licorice Extract (Glabridin 4.5%, Water-Soluble)
Licorice Extract (Glabridin 4.5%, Water-Soluble)
เครื่องสำอาง
Pep-Even™ (Tetrapeptide-30)
Pep-Even™ (Tetrapeptide-30)
เครื่องสำอาง