สูตรเซรั่ม: เนื้อสัมผัส, ค่า pH, ความเสถียร และความเข้ากันได้ของส่วนผสม

ถามโดย: boy29_99 เมื่อ: February 16, 2013 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

ผมกำลังพัฒนาสูตรเซรั่มที่เป็นเบสของน้ำ โดยมีส่วนผสมดังนี้:

  • Kojic Acid
  • Alpha Arbutin
  • N-acetyl Glucosamine
  • Licorice Extract (Certified Organic)
  • Syn®-Ake SYNAK-5G 3%
  • Tego® Pep 4-17 3%
  • Metabiotics Resveratrol 5%
  • Ethyl Ascorbic Acid
  • Niacinamide (Safe-B3™)
  • Zinc PCA
  • Laureth-23
  • Ethoxydiglycol
  • Propylene Glycol

จากสูตรนี้ ผมมีคำถามดังต่อไปนี้:

  1. สูตรปัจจุบันมีความเหลวคล้ายน้ำมาก ผมสามารถเพิ่มอะไรเพื่อเพิ่มความหนืดและทำให้เป็นเนื้อเจลได้บ้าง? การเพิ่ม Hyaluronic Acid (Standard Molecule) หรือ Xanthan Gum ประมาณ 0.5% จะเหมาะสมหรือไม่?
  2. ค่า pH โดยประมาณของสูตรนี้จะอยู่ที่เท่าไหร่? เมื่อพิจารณาส่วนผสมที่เป็นกรด (Kojic Acid, Alpha Arbutin, Acetyl L-Carnitine) และส่วนผสมที่เป็นด่าง (N-acetyl Glucosamine, Sodium Ascorbyl Phosphate) ส่วนผสมเหล่านี้มีผลต่อค่า pH โดยรวมอย่างไร?
  3. ผมกำลังพิจารณาเพิ่ม Acetyl L-Carnitine เพื่อช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว การเพิ่มส่วนผสมนี้เหมาะสมหรือไม่เมื่อพิจารณาจากส่วนผสมที่มีอยู่และผลกระทบต่อค่า pH ที่อาจเกิดขึ้น (Acetyl L-Carnitine มีค่า pH ต่ำมากที่ 2-3)?
  4. การเพิ่ม Sodium Ascorbyl Phosphate จะช่วยปรับค่า pH ให้สูงขึ้นได้หรือไม่? และจะเกิดปฏิกิริยาอย่างไรกับส่วนผสมอื่นๆ โดยเฉพาะ Ethyl Ascorbic Acid?
  5. มีปัญหาความเข้ากันได้ระหว่างส่วนผสมที่ระบุไว้หรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่าง Ethyl Ascorbic Acid กับ Niacinamide (Safe-B3™) หรือ Zinc PCA ตามที่ระบุในคำอธิบายผลิตภัณฑ์?
  6. เมื่อพิจารณาถึงความซับซ้อนและปัญหาความเสถียรที่อาจเกิดขึ้น จะเป็นการดีกว่าหรือไม่ที่จะแยกสูตรสำหรับประโยชน์ด้านผิวขาวและด้านต่อต้านริ้วรอยออกจากกัน?

คำตอบ

การประเมินความเป็นไปได้ของสูตรและการแนะนำ

สูตรเซรั่มที่คุณเสนอส่วนใหญ่เป็นเบสที่เป็นน้ำ และตามคำแนะนำที่ได้รับ การใส่อิมัลซิไฟเออร์อย่าง Laureth-23 นั้นไม่จำเป็น เนื่องจากไม่มีเฟสน้ำมันที่ต้องทำให้อิมัลชัน การตัด Laureth-23 ออกจึงเป็นการลดความซับซ้อนที่สมเหตุสมผล

คำแนะนำยังชี้ให้เห็นอย่างถูกต้องว่าหากไม่มีสารเพิ่มความหนืด เซรั่มจะมีลักษณะเหลวคล้ายน้ำ การเพิ่มสารเพิ่มความหนืด เช่น Hyaluronic Acid (Standard Molecule) หรือ Xanthan Gum ในปริมาณประมาณ 0.5% จะช่วยให้ได้เนื้อเซรั่มที่ต้องการ

สำหรับตัวทำละลาย Ethoxydiglycol และ Propylene Glycol คำแนะนำให้ลดความเข้มข้นหรือเลือกใช้อย่างใดอย่างหนึ่งก็เป็นสิ่งที่เหมาะสม ความเข้มข้นสูงของตัวทำละลาย แม้จะช่วยในการนำพาสารเข้าสู่ผิว แต่อาจทำให้รู้สึกเหนอะหนะหรือระคายเคืองได้ และ Ethoxydiglycol โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาจมีกลิ่นที่ชัดเจนเมื่อใช้ในปริมาณมาก

ข้อควรระวังเกี่ยวกับค่า pH

ประเด็นสำคัญของสูตรนี้คือการจัดการค่า pH ดังที่ได้เน้นย้ำ ส่วนผสมหลายชนิดมีผลต่อค่า pH:

  • กรด: Kojic Acid และ Alpha Arbutin ทำให้ค่า pH ต่ำลง
  • ด่าง: N-acetyl Glucosamine เป็นด่าง
  • กรดสูงมาก: Acetyl L-Carnitine มีค่า pH ต่ำมาก (2-3)

การรวมกันของส่วนผสมเหล่านี้จะส่งผลให้ผลิตภัณฑ์สุดท้ายมีค่า pH เฉพาะ ค่า pH ที่ประมาณไว้ที่ 4-5 จากคำแนะนำมีความเป็นไปได้เมื่อพิจารณาจากส่วนผสม อย่างไรก็ตาม จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องวัดค่า pH ที่แท้จริง ของสูตรสุดท้ายของคุณโดยใช้เครื่องวัด pH

การรักษาค่า pH ให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสม (โดยทั่วไป 3.5-6.5 สำหรับสูตรเครื่องสำอางส่วนใหญ่ แม้ว่าส่วนผสมบางชนิดจะมีช่วงที่เหมาะสมแคบกว่า) เป็นสิ่งสำคัญสำหรับ:

  • ความเสถียรของส่วนผสม: ส่วนผสมหลายชนิด รวมถึง Licorice Extract, Syn®-Ake, Tego® Pep 4-17 (Pep®-PP4) และ Metabiotics Resveratrol (ActiveRelease™ Trans-Resveratrol) อาจเสื่อมสภาพหรือสูญเสียประสิทธิภาพที่ค่า pH ที่ต่ำหรือสูงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Alpha Arbutin สามารถสลายตัวเป็นไฮโดรควิโนนที่ค่า pH สูงกว่า 8 ซึ่งเป็นอันตราย
  • ความเข้ากันได้กับผิว: สูตรที่มีความเป็นกรดหรือด่างมากเกินไปอาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวได้

ส่วนผสมเพิ่มเติมและ Acetyl L-Carnitine

การเพิ่มส่วนผสมออกฤทธิ์มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ส่งผลต่อค่า pH อย่างมีนัยสำคัญ จะเพิ่มความซับซ้อนและโอกาสที่จะเกิดความไม่เสถียรและการระคายเคือง

  • Acetyl L-Carnitine: ตามคำแนะนำที่เน้นย้ำอย่างยิ่ง ไม่แนะนำ ให้เพิ่ม Acetyl L-Carnitine ค่า pH ที่ต่ำมากจะทำให้ค่า pH ของสูตรลดลงอย่างมาก ซึ่งมีแนวโน้มที่จะทำให้สารสกัดจากธรรมชาติและเปปไทด์ที่ไวต่อค่า pH ที่มีอยู่แล้วไม่เสถียร แม้ว่า Acetyl L-Carnitine จะมีประโยชน์ แต่ความเสี่ยงต่อความเสถียรของสูตรโดยรวมและโอกาสที่จะเกิดการระคายเคืองนั้นมีมากกว่าประโยชน์ในส่วนผสมที่ซับซ้อนอยู่แล้วนี้
  • สารให้ความขาวเพิ่มเติม: คำแนะนำเกี่ยวกับ Sodium Ascorbyl Phosphate ได้รับการบันทึกไว้ วิตามินซีรูปแบบนี้เป็นด่าง (ค่า pH ที่เหมาะสม 7-9) และอาจช่วยเพิ่มค่า pH ของสูตรได้หากจำเป็น ในขณะเดียวกันก็ให้ประโยชน์ในการทำให้ผิวขาวขึ้น อย่างไรก็ตาม การเพิ่มอนุพันธ์วิตามินซีอีกชนิดหนึ่งต้องพิจารณาอย่างรอบคอบถึงความเข้ากันได้กับ Ethyl Ascorbic Acid และความสมดุลของค่า pH โดยรวม Ethyl Ascorbic Acid เองต้องการค่า pH ระหว่าง 3.5-6.0 และไม่ควรใช้ร่วมกับ Vitamin B3 (Niacinamide) หรือ Zinc PCA ตามคำอธิบายผลิตภัณฑ์ แม้ว่าสูตรของคุณจะมี Niacinamide อยู่ก็ตาม นี่เป็นปัญหาความเข้ากันไม่ได้ที่สำคัญที่ต้องได้รับการแก้ไข

แนวทางการทำให้ง่ายขึ้น

คำแนะนำในการแยกส่วนผสมที่เน้นการทำให้ผิวขาวและส่วนผสมที่เน้นการต่อต้านริ้วรอยออกจากกันในผลิตภัณฑ์ที่ต่างกันเป็นแนวทางที่ดี ซึ่งจะช่วยให้แต่ละสูตรสามารถปรับให้เหมาะสมกับความเสถียรและประสิทธิภาพของส่วนผสมออกฤทธิ์เฉพาะนั้นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของข้อกำหนดค่า pH ส่วนผสมที่เน้นการทำให้ผิวขาวหลายชนิด เช่น Vitamin C และ Niacinamide (Safe-B3™) ก็มีประโยชน์ในการต่อต้านริ้วรอยอยู่แล้ว

สรุปคำแนะนำ:

  1. ตัด Laureth-23 ออก: ไม่จำเป็นในสูตรที่เป็นเบสของน้ำนี้
  2. เพิ่มสารเพิ่มความหนืด: ใส่ Hyaluronic Acid (Standard Molecule) หรือ Xanthan Gum (clear gel type) ในปริมาณประมาณ 0.5% เพื่อปรับปรุงเนื้อสัมผัส
  3. พิจารณาระดับตัวทำละลาย: พิจารณาลดความเข้มข้นของ Ethoxydiglycol และ Propylene Glycol หรือเลือกใช้อย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อลดกลิ่นหรือความเหนอะหนะที่อาจเกิดขึ้น
  4. สิ่งสำคัญคือ การวัดและปรับค่า pH: หลังจากผสมแล้ว ให้วัดค่า pH ของผลิตภัณฑ์สุดท้าย ตั้งเป้าหมายให้ค่า pH อยู่ในช่วงที่มั่นใจได้ว่าส่วนผสมทั้งหมดมีความเสถียร ซึ่งน่าจะอยู่ระหว่าง 4.0-6.0 แต่ให้ตรวจสอบค่า pH ที่เหมาะสมสำหรับส่วนผสมแต่ละชนิดที่ใช้ ปรับด้วยกรดหรือด่างที่เหมาะสมหากจำเป็น
  5. แก้ไขปัญหาความเข้ากันไม่ได้ของส่วนผสม: โปรดทราบถึงความไม่เข้ากันระหว่าง Ethyl Ascorbic Acid และ Niacinamide (Safe-B3™) ตามคำอธิบายผลิตภัณฑ์ Ethyl Ascorbic Acid คุณอาจต้องเลือกใช้วิตามินซีรูปแบบอื่น หรือปรับสูตรเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งนี้
  6. หลีกเลี่ยง Acetyl L-Carnitine: อย่าเพิ่ม Acetyl L-Carnitine เนื่องจากมีค่า pH ต่ำและความเสี่ยงต่อความไม่เสถียรของสูตร
  7. พิจารณาการทำให้ง่ายขึ้น: เพื่อความเสถียรและประสิทธิภาพที่ดีขึ้น ให้พิจารณาสร้างสูตรเซรั่มแยกกันสำหรับปัญหาผิวขาวและปัญหาต่อต้านริ้วรอย

ด้วยการพิจารณาค่า pH และความเข้ากันได้ของส่วนผสมอย่างรอบคอบ คุณจะสามารถสร้างเซรั่มที่มีความเสถียรและมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Alpha Arbutin (Switzerland)
Alpha Arbutin (Switzerland)
เครื่องสำอาง
Licorice Extract (Licochalcone A 1%, Water-Soluble)
Licorice Extract (Licochalcone A 1%, Water-Soluble)
เครื่องสำอาง
Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
เครื่องสำอาง
Hyaluronic Acid (Standard Molecule)
Hyaluronic Acid (Standard Molecule)
เครื่องสำอาง
Panthenol (Vitamin B5, DL-Panthenol, Powder)
Panthenol (Vitamin B5, DL-Panthenol, Powder)
เครื่องสำอาง
GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine)
GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine)
เครื่องสำอาง
Ethoxydiglycol (e.q. Transcutol)
Ethoxydiglycol (e.q. Transcutol)
เครื่องสำอาง
Propylene Glycol
Propylene Glycol
เครื่องสำอาง
Laureth-23
Laureth-23
เครื่องสำอาง
Glycerin (USP/Food Grade)
Glycerin (USP/Food Grade)
เครื่องสำอาง
L-Carnitine (Carnitine)
L-Carnitine (Carnitine)
เครื่องสำอาง
Sodium Ascorbyl Phosphate (Vitamin C SAP, e.q. Stay C50)
Sodium Ascorbyl Phosphate (Vitamin C SAP, e.q. Stay C50)
เครื่องสำอาง
Kojic Acid
Kojic Acid
เครื่องสำอาง
Pep®-PP4 (Palmitoyl Pentapeptide-4, C-Peptide 500ppm)
Pep®-PP4 (Palmitoyl Pentapeptide-4, C-Peptide 500ppm)
เครื่องสำอาง