สวัสดีค่ะ

นี่คือสูตรแป้งที่คุณให้มา แปลงเป็นหน่วยกรัม โดยคิดจากปริมาณรวม 100 กรัมค่ะ:

สูตรแป้ง (ปริมาณรวม 100 กรัม)

• ซิลค์ ไมก้า พาวเดอร์ (ชนิดด้าน): 30 กรัม
• ซิลค์ เซริไซต์ พาวเดอร์ (ชนิดด้าน): 35 กรัม
• อัลลันโทอิน: 0.3 กรัม
• ไททาเนียม ไดออกไซด์ ไมโครไนซ์: 5 กรัม
• ซิงค์ ออกไซด์ ไมโครไนซ์: 5 กรัม
• บิสมัท ออกซีคลอไรด์: 3 กรัม
• แมกนีเซียม สเตียเรต: 10 กรัม
• สีไอรอน ออกไซด์ (รวม): 11.7 กรัม
  (ปริมาณ 11.7 กรัมนี้คือปริมาณรวมของสีแดง เหลือง ดำ และสีอื่นๆ ที่ใช้ผสมเพื่อให้ได้สีที่เข้ากับสีผิวที่คุณต้องการ)

รวม: 100 กรัม

การตัด บิสมัท ออกซีคลอไรด์ ออก

บิสมัท ออกซีคลอไรด์ มักถูกใส่ในสูตรแป้งฝุ่นเพื่อให้เนื้อแป้งเนียนนุ่ม มีความวาว และช่วยให้แป้งติดผิวได้ดี ทำให้เกิดเอฟเฟกต์ "Dewy-Glow" อย่างไรก็ตาม อย่างที่คุณกล่าวถึง ส่วนผสมนี้อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองในบางคน โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายหรือผิวมัน

หากคุณต้องการตัด บิสมัท ออกซีคลอไรด์ ปริมาณ 3 กรัม ออก สูตรของคุณจะมีปริมาณรวม 97 กรัม ในการทำให้ปริมาณรวมกลับมาเป็น 100 กรัม และรักษาเนื้อสัมผัสและประสิทธิภาพของแป้งให้ใกล้เคียงเดิมมากที่สุด คุณจะต้องเพิ่มส่วนผสมที่เป็นผงอื่นๆ เข้าไป 3 กรัม

เนื่องจาก บิสมัท ออกซีคลอไรด์ ช่วยให้แป้งเนียนลื่นและติดผิว คุณอาจพิจารณาเพิ่มปริมาณของ ซิลค์ ไมก้า พาวเดอร์, ซิลค์ เซริไซต์ พาวเดอร์ หรือ แป้งทัลคัม (หากคุณเลือกที่จะเพิ่ม) เพื่อชดเชยปริมาณที่หายไป และช่วยรักษาความรู้สึกเนียนนุ่ม แมกนีเซียม สเตียเรต ก็ช่วยเรื่องการติดผิวและความเนียนลื่นเช่นกัน แต่คุณใช้ในปริมาณ 10% ซึ่งเป็นปริมาณสูงสุดที่นิยมใช้ ดังนั้นการเพิ่มปริมาณมากเกินไปอาจไม่เหมาะสม

การตัด บิสมัท ออกซีคลอไรด์ ออก อาจทำให้เนื้อแป้งมีความวาวหรือ "Dewy" น้อยลง และอาจส่งผลเล็กน้อยต่อการติดผิวของแป้ง คุณอาจต้องทดลองปรับเพิ่มปริมาณของผงพื้นฐานอื่นๆ (ไมก้า, เซริไซต์, ทัลคัม) เล็กน้อย เพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่คุณต้องการค่ะ

การเปลี่ยนเป็น ลิควิด ฟาวเดชั่น หรือ แป้งอัดแข็ง

การเปลี่ยนสูตรแป้งฝุ่นนี้ให้เป็น ลิควิด ฟาวเดชั่น หรือ แป้งอัดแข็ง ไม่ใช่แค่การเติมของเหลวหรือนำไปอัดแข็งเท่านั้น แต่ต้องมีการปรับเปลี่ยนสูตรครั้งใหญ่และเพิ่มส่วนผสมเฉพาะเพื่อให้ได้เนื้อสัมผัส ความคงตัว และประสิทธิภาพที่ถูกต้องค่ะ

• ลิควิด ฟาวเดชั่น: ในการทำ ลิควิด ฟาวเดชั่น คุณจะต้องสร้างอิมัลชั่น (ส่วนผสมของเฟสน้ำมันและเฟสน้ำ) และนำผงแป้งต่างๆ ไปกระจายตัวในเบสนี้ ซึ่งต้องใช้ส่วนผสมต่างๆ เช่น:

  • สารให้ความนุ่มลื่น/น้ำมัน (Emollients/Oils): เช่น กลุ่ม LipidSoft™ (ตัวอย่างเช่น LipidSoft™ B, LipidSoft™ Lux, LipidSoft™ Shine) เพื่อให้ความรู้สึกเนียนนุ่มและช่วยกระจายเม็ดสี
  • สารประสานเนื้ออิมัลชั่น (Emulsifiers): เพื่อช่วยให้น้ำกับน้ำมันเข้ากันได้ดี
  • สารสร้างฟิล์ม (Film Formers): เช่น Oil Film (Hydrogenated Polycyclopentadiene) หรือ Silicone Film (ตัวอย่างเช่น Silicone Film (Medium-Wear, Soft), Silicone Film (Soft Film, Low Viscosity, Isododecane Base), Silicone Film (Soft Film, Low Viscosity, Cyclopentasiloxane Base)) เพื่อช่วยให้ติดทนและกันน้ำ
  • สารเพิ่มความข้น/สารช่วยให้คงตัว (Thickeners/Stabilizers): เพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่ต้องการและป้องกันการแยกชั้น
  • สารกันเสีย (Preservatives): จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำ เพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์
  • น้ำ (Water): ส่วนประกอบหลักของเฟสน้ำ
    กระบวนการนี้มีความซับซ้อนกว่าการผสมผงแป้งมากค่ะ

• แป้งอัดแข็ง (Pressed Powder): ในการทำแป้งอัดแข็งจากสูตรแป้งฝุ่น คุณต้องเพิ่ม สารยึดเกาะ (binder) สารยึดเกาะจะช่วยให้ผงแป้งจับตัวกันแน่น สามารถนำไปอัดในตลับได้โดยไม่แตกเป็นผง แต่ยังคงสามารถใช้แปรงหรือพัฟแตะเนื้อแป้งขึ้นมาได้ สารยึดเกาะที่นิยมใช้ได้แก่ น้ำมันบางชนิด เอสเทอร์ หรืออนุพันธ์ของซิลิโคน ปริมาณและชนิดของสารยึดเกาะต้องเลือกอย่างระมัดระวังเพื่อให้ได้ความแข็งของแป้งอัดแข็งและการกระจายตัวของเนื้อแป้งเมื่อใช้ (pay-off) ที่ต้องการ หลังจากเติมสารยึดเกาะแล้ว ส่วนผสมจะถูกนำไปอัดลงในตลับภายใต้แรงกดสูง

โดยสรุป สูตรที่คุณให้มาเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับแป้งฝุ่น แต่การทำเป็นลิควิด ฟาวเดชั่น หรือแป้งอัดแข็งต้องใช้ส่วนผสมเฉพาะทางเพิ่มเติมและกระบวนการผลิตที่แตกต่างออกไปค่ะ