สูตรโทนเนอร์กลางวันสำหรับรอยสิวและปัญหาสิวเรื้อรัง

ถามโดย: seaoui1986 เมื่อ: January 29, 2015 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

สอบถามเพิ่มเติมจากการใช้ BHA toner ตอนกลางคืน ซึ่งได้ผลดีกับสิวและผิวหน้าโดยรวม แต่รอยแผลเป็นยังไม่หายไป จึงอยากจะลองทำสูตร toner สำหรับใช้ตอนกลางวัน รบกวนช่วยดูสูตรที่เสนอมาให้หน่อยครับ ว่าควรเพิ่มหรือลดอะไร เพื่อให้ช่วยเรื่องการบำรุงผิวหน้าตอนเช้าและช่วยเรื่องรอยแผลเป็นจากสิวได้บ้าง

สูตรโทนเนอร์กลางวันที่เสนอคือ:

  • น้ำ 75%
  • B3 5%
  • B5 3%
  • B12 2%
  • Zinc 1%
  • Licorice 1%
  • Msm 3%
  • Green tea 3%
  • sea kelp 5%
  • Copper 2%

มีเป้าหมายเพื่อบำรุงหน้าตอนเช้าและช่วยเรื่องรอยแผลเป็นนิดๆ หน่อยๆ ก็ยังดี ควรเพิ่มหรือลดอะไรดีครับ? นอกจากนี้ยังมีปัญหาสิวอักเสบเรื้อรังบริเวณใต้คาง/กรามด้วยครับ

คำตอบ

หัวข้อ: ตอบกลับ: รีวิว bha toner และสอบถาม

ขอบคุณที่แบ่งปันประสบการณ์การใช้ BHA toner และสอบถามเกี่ยวกับสูตร toner กลางวัน รวมถึงปัญหาสิวเรื้อรังนะคะ

ดีใจที่ได้ยินว่า BHA toner สูตรกลางคืนของคุณได้ผลดีในการรักษาสิวและปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนขึ้นค่ะ! ฟังดูเป็นสูตรที่ดีและตอบโจทย์ความต้องการของคุณเลยค่ะ การรักษาพวกรอยแผลเป็นจากสิว (โดยเฉพาะรอยแดง รอยดำ หรือรอยหลุม) มักจะใช้เวลานานกว่าการรักษาสิวที่กำลังเห่อค่ะ

สำหรับสูตร toner กลางวันที่คุณเสนอมา:

  • เป้าหมายโดยรวม: เป้าหมายของคุณคือการบำรุงผิวและช่วยเรื่องรอยแผลเป็น ส่วนผสมที่คุณเลือกมาโดยรวมแล้วช่วยเสริมสุขภาพผิวค่ะ
  • ระดับความชุ่มชื้น: ตามที่คำตอบก่อนหน้าได้กล่าวไว้ สูตรของคุณมีส่วนผสมหลายตัวที่ช่วยให้ความชุ่มชื้นและปลอบประโลมผิว (B5, B12, MSM, Sea Kelp) ลองพิจารณาดูสภาพผิวของคุณค่ะ ถ้าผิวของคุณมันอยู่แล้ว ระดับความชุ่มชื้นเท่านี้อาจจะเพียงพอหรือมากกว่าที่ต้องการ แต่ถ้าผิวแห้ง สูตรนี้ก็น่าจะเป็นประโยชน์ค่ะ
  • ส่วนผสมที่ช่วยเรื่องรอยแผลเป็น:
    • Niacinamide (B3) ที่ความเข้มข้น 5% เป็นส่วนผสมที่ดีเยี่ยมสำหรับเสริมเกราะป้องกันผิว ลดการอักเสบ กระชับรูขุมขน และช่วยให้รอยดำรอยแดงจางลงได้เมื่อใช้ต่อเนื่องค่ะ
    • Zinc ช่วยควบคุมความมันและปลอบประโลมผิว ซึ่งช่วยป้องกันไม่ให้เกิดสิว ใหม่ ที่จะนำไปสู่การเกิดรอยแผลเป็นเพิ่มขึ้นค่ะ
    • Licorice, Green Tea, MSM, และ Copper peptides มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ และอาจช่วยฟื้นฟูผิว ซึ่งมีส่วนช่วยให้สุขภาพผิวโดยรวมดีขึ้น และอาจช่วยให้ผิวสมานตัวเองและปรับปรุงลักษณะของรอยต่างๆ ได้เมื่อเวลาผ่านไป
    • ตามที่ได้ชี้แจงไป Vitamin B12 โดยทั่วไปไม่ได้ใช้เพื่อลดรอยดำรอยแดงจากสิวโดยตรง ประโยชน์ของมันอาจเกี่ยวข้องกับการปลอบประโลมหรือลดการระคายเคือง คุณสามารถเก็บไว้ได้ถ้าคุณรู้สึกว่ามีประโยชน์ในด้านนี้ หรือจะตัดออกก็ได้ถ้าต้องการเน้นสูตรไปที่การรักษารอยแผลเป็นโดยเฉพาะ
  • ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมสำหรับรอยแผลเป็น: หากต้องการเน้นจัดการกับรอยดำรอยแดงจากสิวโดยเฉพาะ คุณอาจพิจารณาเพิ่มส่วนผสมที่ขึ้นชื่อเรื่องการปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ เช่น:
    • อนุพันธ์วิตามินซี: (เช่น Sodium Ascorbyl Phosphate (SAP), Magnesium Ascorbyl Phosphate (MAP)) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระและช่วยให้จุดด่างดำจางลงได้
    • Alpha Arbutin: เป็นสารที่ช่วยปรับสีผิวให้สว่างขึ้นโดยเฉพาะ โดยไปยับยั้งการสร้างเม็ดสี
    • Tranexamic Acid: สามารถช่วยลดรอยแดงและรอยดำ โดยเฉพาะรอยดำหลังการอักเสบ (Post-inflammatory hyperpigmentation)
    • สารผลัดเซลล์ผิวอ่อนๆ: แม้ว่าคุณจะใช้ BHA ตอนกลางคืน การใช้ AHA (เช่น Lactic Acid) หรือ PHA ในความเข้มข้นที่ต่ำมากๆ ในตอนกลางวัน อาจช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวได้ แต่ต้องระมัดระวังเรื่องการผลัดเซลล์ผิวมากเกินไป โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับ BHA ตอนกลางคืน และต้องใช้ครีมกันแดดอย่างเคร่งครัดค่ะ

เกี่ยวกับปัญหาสิวอักเสบเรื้อรังบริเวณใต้คาง/กราม:

  • สิวที่ขึ้นบริเวณนี้โดยเฉพาะ ถ้าเป็นสิวอักเสบ สิวหัวช้าง และเป็นเรื้อรัง มักถูกเรียกว่า "สิวฮอร์โมน"
  • แม้ว่าผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจะช่วยจัดการอาการได้ แต่สิวบริเวณกรามที่เรื้อรังบางครั้งอาจได้รับอิทธิพลจากปัจจัยภายใน เช่น ความไม่สมดุลของฮอร์โมน ระดับความเครียด ปัจจัยด้านอาหารบางอย่าง (เช่น น้ำตาลสูง หรือผลิตภัณฑ์นมในบางคน) หรือแม้กระทั่งภาวะสุขภาพภายในบางอย่าง
  • เนื่องจากเป็นปัญหาที่เป็นมานานและยังไม่หายขาดด้วยการดูแลผิวปัจจุบัน (ซึ่งดูเหมือนจะได้ผลดีกับบริเวณอื่น) จึง ขอแนะนำอย่างยิ่งให้ปรึกษาแพทย์ผิวหนังหรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ค่ะ พวกเขาสามารถช่วยวินิจฉัยว่ามีสาเหตุภายในหรือไม่ และแนะนำทางเลือกการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งอาจรวมถึงยาทาหรือยารับประทานที่ต้องมีใบสั่งแพทย์ หรือการตรวจเพิ่มเติมเกี่ยวกับระดับฮอร์โมนค่ะ

หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์นะคะ!