สูตร BHA โทนเนอร์, ปัญหาผิวลอก, และแนวทางการรักษาสิว
คำถาม
กำลังใช้สูตร BHA โทนเนอร์เพื่อรักษาสิว และมีคำถามเกี่ยวกับประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีปัญหาผิวลอกและสิวยังคงขึ้นอยู่
สูตร BHA โทนเนอร์เริ่มต้นที่ใช้คือ:
water
50.80 %Butylene Glycol
35%Ethoxydiglycol
5%polysorbate-20
3%Salicylic Acid (BHA)
2%Witch Hazel
1%Disodium EDTA
0.2%Allantoin
0.2 % ของน้ำที่ใช้Betaine
3%
หลังจากใช้สูตรนี้ ผู้ใช้บางคนมีอาการผิวลอกเล็กน้อย ไม่มากเท่าสัปดาห์แรก และรู้สึกว่าหน้าชุ่มชื้นขึ้น (ทาเช้า-กลางคืน) แต่รู้สึกเหนอะหนะเล็กน้อยและดูเงาๆ สิวก็ยังขึ้นอยู่ รวมถึงสิวอักเสบเม็ดใหญ่ขึ้นใหม่
คำถามคือ:
- ประสิทธิภาพของ
BHA
โทนเนอร์จะเสื่อมลงหรือไม่ หากผิวหน้ายังคงมีอาการลอกเป็นขุย? - การที่สิวยังคงขึ้นอยู่ (โดยเฉพาะสิวอักเสบ) เป็นกระบวนการออกฤทธิ์ของ
BHA
(การดันสิว) หรือไม่? เพราะอ่านบทความเก่าๆ พบว่าบางคนสิวจะเห่อขึ้นในช่วง 2-3 สัปดาห์แรกก่อนจะดีขึ้น ทฤษฎีนี้เชื่อถือได้หรือไม่?
คำตอบ
การวิเคราะห์สูตรและผลลัพธ์ของคุณ
จากประสบการณ์ของคุณและคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ นี่คือบทสรุปประเด็นและข้อเสนอแนะ:
สูตร BHA โทนเนอร์แรกของคุณ
สูตร BHA โทนเนอร์เริ่มต้นของคุณมีปัญหาการตกตะกอนสีขาวขุ่นเล็กๆ ในคืนถัดมา ตามที่เจ้าหน้าที่กล่าวไว้ นี่น่าจะเป็น Salicylic Acid ที่ตกผลึก ซึ่งบ่งชี้ว่า Salicylic Acid ไม่เสถียรหรือละลายได้ไม่ดีในเบสโทนเนอร์ของคุณที่อุณหภูมิห้อง แม้ว่าผลลัพธ์ที่ทำให้ผิวลอกเป็นขุยจะแสดงว่า BHA ยังคงทำงานอยู่ แต่ความไม่เสถียรของผลิตภัณฑ์เป็นสิ่งที่น่ากังวล
อาการผิวลอกและแห้งที่พบในผู้ใช้ (ยกเว้นตัวคุณเอง ซึ่งน่าจะมาจากการทา Cerave PM ทับ) เป็นสิ่งสำคัญ เจ้าหน้าที่ชี้ให้เห็นอย่างถูกต้องว่าเมื่อผิวลอกและอ่อนแอ ผิวจะไม่สามารถดูดซึมส่วนผสมออกฤทธิ์อย่าง BHA ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งนี้ทำให้การรักษามีประสิทธิภาพลดลง ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดสิวอย่างต่อเนื่องแม้จะใช้ BHA ก็ตาม
การเกิดสิวอย่างต่อเนื่องและทฤษฎี "ดันสิว"
เป็นเรื่องปกติที่จะพบว่าสิวแย่ลงในช่วงแรกของการใช้ BHA หรือสารผลัดเซลล์ผิวอื่นๆ ซึ่งบางครั้งเรียกว่า "การดันสิว" (purging) สิ่งนี้เกิดขึ้นเมื่อผลิตภัณฑ์เร่งการผลัดเซลล์ผิวและดันสิวอุดตันที่อยู่ใต้ผิวขึ้นมา ทฤษฎีที่ว่าสิวอาจแย่ลงในช่วง 2-3 สัปดาห์แรกก่อนจะดีขึ้นนั้นเป็นไปได้สำหรับบางคน
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่เน้นย้ำว่าเป้าหมายหลักของ BHA คือการลด สิวอุดตัน หากยังมีสิวอุดตันใหม่เกิดขึ้น หรือหากการอักเสบรุนแรงและต่อเนื่อง แสดงว่าความเข้มข้นของ BHA อาจยังไม่เหมาะสมในการป้องกันสิวอุดตันใหม่ หรือสภาพผิว (เนื่องจากการระคายเคือง/การลอก) กำลังขัดขวางการดูดซึมที่มีประสิทธิภาพ เจ้าหน้าที่แนะนำให้สังเกตการลดลงของสิวอุดตันเป็นตัวชี้วัดหลักของความสำเร็จ และจัดการกับการอักเสบแยกต่างหากหากจำเป็น
สูตรเจลบำรุงที่สองของคุณ
สูตรที่สองของคุณมีเป้าหมายเพื่อให้ความชุ่มชื้นและส่วนผสมที่ช่วยปลอบประโลมผิว คำแนะนำของเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับสูตรนี้มีประโยชน์อย่างยิ่ง พวกเขาแนะนำให้ตัด Hyaluronic Acid Nano ออก และเพิ่มส่วนผสมอย่าง Pure MSM™ และ Zinc PCA เพื่อช่วยปรับสมดุลความมันของผิว และเพิ่มความเข้มข้นของ Safe-B3™ (Vitamin B3) เป็น 5% เพื่อช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว พวกเขายังแนะนำให้ใช้ Pro Polymer™ เป็นสารก่อเจลในปริมาณที่สูงขึ้น (1.0-2.0%) เพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสและความเสถียรที่ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีส่วนผสมที่มีอิเล็กโทรไลต์อย่าง Zinc PCA
การเติม Xanthangum ในภายหลังตามที่คุณทำ สามารถช่วยเพิ่มความหนืดได้ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่แนะนำให้ใช้ Pro Polymer™ สำหรับสูตร BHA เจลโดยเฉพาะ เนื่องจากความเข้ากันได้กับอิเล็กโทรไลต์และความเหมาะสมในการทำให้ BHA เสถียร การเติม Xanthangum ในภายหลังอาจไม่ให้ความเสถียรหรือเนื้อสัมผัสที่ต้องการเท่ากับการใช้ Pro Polymer™ อย่างถูกต้องตั้งแต่แรกในความเข้มข้นที่เหมาะสม
ข้อเสนอแนะ
จากคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญจากเจ้าหน้าที่ นี่คือข้อเสนอแนะหลัก:
- การทำสูตร BHA: เพื่อแก้ปัญหาความไม่เสถียรและการตกตะกอนของ BHA ให้ทำตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ในการทำผลิตภัณฑ์ BHA ในรูปแบบเจลหรือครีม โดยใช้สารก่อเจลที่เหมาะสมอย่าง Pro Polymer™ สิ่งนี้จะช่วยทำให้ Salicylic Acid เสถียรและป้องกันการตกตะกอน เจ้าหน้าที่ได้ให้สูตร BHA เจลที่แนะนำ โดยเน้นส่วนผสมหลักคือ BHA ตัวทำละลาย และสารช่วยให้เสถียร
- การทำสูตรเจลบำรุง: ใช้สูตรเจลบำรุงที่เจ้าหน้าที่ปรับปรุงให้ สูตรนี้เน้นส่วนผสมที่ละลายน้ำได้ซึ่งช่วยเสริมสร้างสุขภาพผิว ลดความมัน และปลอบประโลมผิว โดยไม่เพิ่มน้ำมันที่อาจทำให้สิวแย่ลง ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณใช้ Pro Polymer™ ในความเข้มข้นที่แนะนำ (1.0-2.0%) และปฏิบัติตามวิธีการผสมอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับส่วนผสมที่มีอิเล็กโทรไลต์
- การปรับสมดุลระหว่างการรักษาและการให้ความชุ่มชื้น: สิ่งสำคัญที่สุดที่เจ้าหน้าที่เน้นคือความสมดุลระหว่างการใช้ BHA และการรักษาเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงและชุ่มชื้น
- ปรับวิธีการใช้ BHA (ความถี่ ระยะเวลาที่ทาทิ้งไว้) เพื่อหาระดับที่ต่ำที่สุดแต่ยังคงควบคุมสิวอุดตันใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ทำให้เกิดการลอกหรือระคายเคืองมากเกินไป
- ใช้เจลบำรุงที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมันตามที่แนะนำอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลากลางคืน เพื่อให้ผิวชุ่มชื้นและแข็งแรง หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำมัน เช่น Cerave PM ในขณะที่กำลังรักษาสิวด้วย BHA ตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่
- สังเกตการตอบสนองของผิว: สังเกตการตอบสนองของผิวอย่างต่อเนื่อง เน้นที่ว่าสิวอุดตันใหม่ลดลงหรือไม่ จัดการกับสิวอักเสบตามความเหมาะสม (อย่างไรก็ตาม ฉันไม่สามารถให้คำแนะนำทางการแพทย์ในเรื่องนี้ได้) หากเกิดการลอกหรือระคายเคือง ให้ลดความถี่หรือระยะเวลาที่ทา BHA และเพิ่มการให้ความชุ่มชื้นจนกว่าผิวจะฟื้นตัว
การทำให้สูตร BHA มีความเสถียรและให้ความชุ่มชื้นที่เพียงพอและเหมาะสมด้วยสูตรเจลที่ปรับปรุงใหม่ จะช่วยให้ผิวทนต่อการรักษาได้ดีขึ้นและเพิ่มโอกาสในการควบคุมสิวให้สำเร็จ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Licorice Extract (Licochalcone A 1%, Water-Soluble)

Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)

Allantoin

Panthenol (Vitamin B5, DL-Panthenol, Powder)

GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine)

Calendula Extract (Water Soluble)

Ethoxydiglycol (e.q. Transcutol)

Salicylic Acid (BHA) กรดซาลิไซลิค

Natural Betaine (Crystal)

Polysorbate 20 (Tween 20)

Disodium EDTA

Pure MSM™ (Methylsulfonylmethane)

Pro Polymer™ (Gel Maker)

Zinc PCA

Butylene Glycol

Hi-EGCG™ (Green Tea Extract)

Hyaluronic Acid (Nano Molecule, 800daltons)
