เซรั่มวิตามินซีผสมเอง: ปัญหาผิวแห้ง รูขุมขนดูกว้างขึ้น และคำถามส่วนผสม

ถามโดย: benzax10 เมื่อ: October 10, 2012 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

ดิฉันได้ผสมเซรั่มวิตามินซีใช้เองสำหรับทาหน้า โดยได้สูตรมาจากเว็บไซต์ต่างๆ ซึ่งมีส่วนผสมดังนี้:

  • ethoxydiglycol 45%
  • Propylene Glycol 25%
  • ascorbic acid 15%
  • water 15%

เมื่อผสมเสร็จแล้วได้ค่า pH ประมาณ 3-4 เมื่อนำมาทาแล้วหน้าจะรู้สึกแห้งๆ ตึงๆ แต่ไม่มีอาการบวมแดงหรือคันใดๆ หลังจากนำมาใช้ทาหน้าได้ประมาณ 7 วันรู้สึกว่ารูขุมขนดูกว้างขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จึงมีคำถามดังนี้ค่ะ:

  1. อยากให้ช่วยวิเคราะห์ว่าหลังจากใช้แล้วรูขุมขนดูกว้างขึ้นเกิดจากสาเหตุใดค่ะ
  2. ethoxydiglycol ทำให้รูขุมขนกว้างขึ้นรึเปล่าค่ะ
  3. มีสารตัวใดที่ทำหน้าที่ดึง Vitamin C ลงสู่ผิวหนังได้ดีที่สามารถใช้แทน ethoxydiglycol ได้บ้างค่ะ
  4. ควรเพิ่มหรือลดส่วนผสมตัวใดบ้างค่ะ
  5. ควรเพิ่มหรือเอาสารตัวใดออกบ้างค่ะ

คำตอบ

สวัสดีค่ะ

ขอบคุณที่แบ่งปันประสบการณ์และสูตรเซรั่มที่คุณผสมเองนะคะ เข้าใจได้เลยค่ะว่าเป็นกังวลเมื่อผิวมีการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิด

สำหรับคำถามของคุณค่ะ:

  1. สาเหตุที่รูขุมขนกว้างขึ้น: คุณกล่าวว่าหลังจากใช้เซรั่มแล้วรู้สึกหน้าแห้งๆ ตึงๆ แม้ L-Ascorbic Acid จะมีประโยชน์ แต่ความเข้มข้น 15% ที่ pH ต่ำ (3-4) ถือว่าค่อนข้างแรงค่ะ โดยเฉพาะเมื่อผสมกับตัวทำละลายในปริมาณสูงอย่าง ethoxydiglycol (45%) และ Propylene Glycol (25%) ความเข้มข้นของสารออกฤทธิ์และตัวทำละลายที่สูงนี้อาจทำให้ผิวเกิดความแห้งตึงหรือระคายเคืองได้ ซึ่งบางครั้งอาจทำให้รูขุมขนดูเด่นขึ้นหรือกว้างขึ้นได้ค่ะ
  2. ethoxydiglycol ทำให้รูขุมขนกว้างขึ้นหรือไม่: จากข้อมูลที่ได้รับ (และข้อมูลทั่วไป) ethoxydiglycol ไม่ได้เป็นที่ทราบกันว่าทำให้รูขุมขนกว้างขึ้นโดยตรงค่ะ หน้าที่หลักของมันในสูตรเครื่องสำอางคือเป็นตัวทำละลายและช่วยนำพาสารเข้าสู่ผิว
  3. สารอื่นที่ใช้แทน ethoxydiglycol ได้: ethoxydiglycol ช่วยละลายส่วนผสมและเพิ่มการซึมผ่านของสารเข้าสู่ผิว ไกลคอลชนิดอื่นๆ เช่น butylene glycol หรือ dipropylene glycol ก็สามารถทำหน้าที่เป็นตัวทำละลายและช่วยนำพาสารได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม สูตรปัจจุบันของคุณมีปริมาณตัวทำละลายรวมกันสูงมากอยู่แล้ว (70%) การแค่เปลี่ยน ethoxydiglycol เป็นตัวทำละลายอื่นอาจไม่ได้แก้ปัญหา หากปัญหาเกิดจากปริมาณตัวทำละลายโดยรวมที่สูงเกินไป หรือความเข้มข้นของ Ascorbic Acid ที่ทำให้ผิวแห้ง
  4. ควรเพิ่มหรือลดส่วนผสมตัวใดบ้าง:
  5. ควรเพิ่มหรือเอาสารตัวใดออกบ้าง:
    จากอาการผิวแห้งตึงที่คุณพบ และความเป็นไปได้ที่อาจเกี่ยวข้องกับการที่รูขุมขนดูเด่นขึ้น สูตรนี้อาจจะแรงเกินไปสำหรับผิวของคุณค่ะ
    • ลด: คุณอาจพิจารณาลดเปอร์เซ็นต์ของ ethoxydiglycol และ Propylene Glycol ลง และอาจลดความเข้มข้นของ Ascorbic Acid ลงด้วย (เช่น เหลือ 10%) ซึ่งจะต้องเพิ่มเปอร์เซ็นต์ของน้ำเพื่อรักษาสัดส่วนรวมให้ครบ 100% การปรับลดนี้อาจช่วยให้เซรั่มระคายเคืองน้อยลงและลดความแห้งตึงได้
    • เพิ่ม: การเพิ่มส่วนผสมที่ช่วยให้ความชุ่มชื้นเล็กน้อย เช่น Glycerin (ประมาณ 1-3%) อาจช่วยลดอาการแห้งตึงได้ อย่างไรก็ตาม การเพิ่มส่วนผสมอาจส่งผลต่อความเสถียรและค่า pH ของเซรั่ม ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับสูตร L-Ascorbic Acid
    • เอาออก: การเอา ethoxydiglycol หรือ Propylene Glycol ออก จะทำให้สูตรเปลี่ยนแปลงไปมาก และอาจส่งผลต่อการละลายและความเสถียรของ Ascorbic Acid อย่างที่เจ้าหน้าที่ได้กล่าวไว้ การเอา ethoxydiglycol ออก (โดยเฉพาะหากมี Ferulic Acid อยู่ด้วย แม้ว่าในสูตรที่คุณแจ้งมาจะไม่มี) อาจทำให้ Vitamin C สลายตัว (oxidation) เร็วขึ้น
    • พิจารณาคำแนะนำของเจ้าหน้าที่: คำแนะนำของเจ้าหน้าที่ที่ให้ผสม L-Ascorbic Acid กับน้ำในปริมาณที่พอใช้แต่ละครั้ง เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยหลีกเลี่ยงการใช้ตัวทำละลายความเข้มข้นสูงและปัญหาเรื่องความเสถียรได้ แม้จะต้องผสมใหม่ทุกครั้งที่ใช้ก็ตาม

การผสมเซรั่ม L-Ascorbic Acid ที่มีความเสถียรและมีประสิทธิภาพใช้เองที่บ้านนั้นค่อนข้างท้าทาย เนื่องจากต้องควบคุมค่า pH ป้องกันการสลายตัว และคำนึงถึงการระคายเคืองต่อผิว อาการแห้งตึงที่คุณพบแสดงว่าสูตรปัจจุบันอาจไม่เหมาะกับสภาพผิวของคุณ หรือมีความเข้มข้นสูงเกินไป คุณอาจพิจารณาลองใช้ Vitamin C ที่ความเข้มข้นต่ำลง ทำให้สูตรง่ายขึ้นมาก (เช่น ตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่สำหรับการผสมใช้ครั้งต่อครั้ง) หรือลองใช้เซรั่ม Vitamin C ที่มีจำหน่ายทั่วไปซึ่งมักจะมีการคิดค้นสูตรมาให้มีความเสถียรและอ่อนโยนต่อผิวมากกว่าค่ะ