สวัสดีครับ จากสูตร Extra Whitening serum ที่พบปัญหาการแยกชั้น โดยมีส่วนซิลิโคนใสๆ ลอยอยู่ด้านบน ทีมงานได้พิจารณาสูตรและขั้นตอนการผสมแล้ว คาดว่าสาเหตุของการแยกชั้นน่าจะมาจากหลายปัจจัยร่วมกันครับ

สาเหตุของการแยกชั้น

1. ปริมาณ Emulsifier (Warp Cream Maker) อาจไม่เพียงพอ: สูตรของคุณมีปริมาณซิลิโคนและน้ำมันรวมกันค่อนข้างสูง (ประมาณ 63%) ในขณะที่ใช้น้ำเป็นวัฏภาคภายใน (Internal Phase) เพียงประมาณ 35% การทำอิมัลชันชนิด Water-in-Silicone (W/Si) หรือ Water-in-Oil (W/O) ที่มีปริมาณวัฏภาคภายนอก (External Phase - ซิลิโคน/น้ำมัน) สูง จำเป็นต้องใช้ Emulsifier ในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อให้ระบบคงตัว Warp Cream Maker เป็น Emulsifier สำหรับระบบ W/Si ซึ่งในคำแนะนำการใช้งานของ Warp Cream Maker เองก็มีตัวอย่างสูตรที่ใช้อิมัลซิไฟเออร์ถึง 8% สำหรับวัฏภาคซิลิโคน/น้ำมันที่น้อยกว่าสูตรของคุณ การใช้ Warp Cream Maker เพียง 5% (และเพิ่ม Silicone gel base เข้าไปอีก) อาจไม่เพียงพอที่จะคงสภาพอิมัลชันที่มีวัฏภาคภายนอกปริมาณมากเช่นนี้ไว้ได้ ทำให้ซิลิโคนซึ่งเป็นวัฏภาคภายนอกเกิดการแยกชั้นออกมา
2. ตำแหน่งของ Coenzyme Q10 ไม่ถูกต้อง: Coenzyme Q10 เป็นสารที่ละลายได้ดีในน้ำมัน (Oil-Soluble) แต่ในสูตรของคุณถูกจัดอยู่ใน Part A ซึ่งเป็นวัฏภาคน้ำ แม้ว่าในตอนแรกอาจจะยังไม่เห็นการแยกชั้นของ Q10 ที่ชัดเจน (ตามที่คุณ cosmeceutical7 สังเกตว่าเนื้อเซรั่มขุ่นเป็นสีแดงส้มทั้งหมด) แต่การที่ Q10 ซึ่งไม่ละลายน้ำไปอยู่ในวัฏภาคน้ำ อาจรบกวนความเสถียรของอิมัลชันได้ Q10 ควรจะอยู่ใน Part C ซึ่งเป็นวัฏภาคน้ำมัน
3. การเพิ่ม Silicone gel base ในภายหลัง: การเติม Silicone gel base เข้าไปหลังจากที่ผสมส่วน A และส่วนผสมจากข้อ 3 (B+C) เข้าด้วยกันแล้ว อาจทำให้สัดส่วนของวัฏภาคเปลี่ยนแปลงไป และรบกวนโครงสร้างของอิมัลชันที่อาจจะเริ่มก่อตัวขึ้น ทำให้เกิดการแยกชั้นได้ง่ายขึ้น

แนวทางแก้ไขเพื่อป้องกันการแยกชั้น

เพื่อเพิ่มความเสถียรของสูตรและป้องกันการแยกชั้น สามารถปรับปรุงสูตรและขั้นตอนการผสมได้ดังนี้ครับ

1. ย้าย Coenzyme Q10 ไปยังวัฏภาคน้ำมัน: นำ Coenzyme Q10 4% ไปรวมกับส่วนผสมใน Part C (วัฏภาคน้ำมัน) เพื่อให้ละลายในน้ำมันอย่างถูกต้อง
2. เพิ่มปริมาณ Warp Cream Maker: พิจารณาเพิ่มปริมาณ Warp Cream Maker เป็น 8-10% ของสูตรทั้งหมด เพื่อช่วยประสานวัฏภาคน้ำและซิลิโคน/น้ำมันให้เข้ากันได้ดียิ่งขึ้นและคงตัวในระยะยาว
3. พิจารณาใช้สารช่วยเพิ่มความเสถียรในวัฏภาคน้ำ: แม้ว่าปริมาณน้ำจะน้อย แต่การเติมสารช่วยเพิ่มความหนืดหรือความเสถียรในวัฏภาคน้ำเล็กน้อย เช่น Pro Polymer หรือ AnyGel ประมาณ 0.1-0.3% หรือ Magnesium Sulfate 1% (ตามคำแนะนำของ Warp Cream Maker) ใน Part A อาจช่วยให้น้ำมีความคงตัวมากขึ้นก่อนนำไปผสมกับวัฏภาคซิลิโคน/น้ำมัน
4. ปรับปรุงขั้นตอนการผสม:
   • ผสมส่วน A (วัฏภาคน้ำ) ทั้งหมดเข้าด้วยกันให้เป็นเนื้อเดียว (รวมถึง Pro Polymer/AnyGel หรือ Magnesium Sulfate หากใช้)
   • ผสมส่วน B (ซิลิโคนและ Warp Cream Maker) และส่วน C (น้ำมันและสารสำคัญที่ละลายในน้ำมัน รวมถึง Coenzyme Q10) เข้าด้วยกันให้เป็นเนื้อเดียว อาจใช้ความร้อนอ่อนๆ ช่วยในการละลายสารสำคัญบางตัวใน Part C และช่วยให้ Warp Cream Maker กระจายตัวในซิลิโคน/น้ำมันได้ดีขึ้น (แต่ระวังอุณหภูมิไม่ให้สูงเกินไปจนทำลายสารสำคัญ)
   • ขณะที่ปั่นส่วนผสม B+C ด้วยเครื่องปั่นความเร็วสูง (ตามคำแนะนำของ Warp Cream Maker ที่ความเร็วอย่างน้อย 1000 rpm) ค่อยๆ เทส่วนผสม A ลงไปทีละน้อยๆ เป็นสายเล็กๆ อย่างต่อเนื่อง จนกว่าส่วนผสมทั้งหมดจะเข้ากันเป็นเนื้อเดียว
   • ปั่นต่อไปอีกระยะเพื่อให้เนื้ออิมัลชันเนียนเข้ากันดี
   • เมื่ออุณหภูมิของเนื้อเซรั่มลดลง (หากมีการใช้ความร้อน) จึงเติมส่วน D (Phenoxyethanol, fragrance) และปั่นผสมให้เข้ากัน

การปรับสูตรโดยย้าย Coenzyme Q10 และเพิ่มปริมาณ Emulsifier รวมถึงปรับขั้นตอนการผสมให้ถูกต้องตามประเภทของ Emulsifier จะช่วยเพิ่มโอกาสให้เซรั่มมีความคงตัวและไม่แยกชั้นครับ