แก้ปัญหาเนื้อเหนอะหนะและสูตรเหลวในสูตรเซรั่มที่มีสารออกฤทธิ์สูง

ถามโดย: thelittledraco เมื่อ: September 28, 2020 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

ดิฉันได้ผสมเซรั่มตามสูตรและสัดส่วนดังนี้ แต่เนื้อผลิตภัณฑ์รู้สึกเหนอะหนะผิวและเหลวลงเมื่อเวลาผ่านไปค่ะ:

  • Repair Activator 10%
  • Glycosaminoglycans Complex 5%
  • Acetyl Hexapeptide-8 10%
  • Pep®-Coll 5%
  • Copper Peptide 3%
  • GlucoBright 4%
  • Safe B3 10%
  • DMI 3%
  • Odor Kill 1%
  • Satin Cream Maker 1%

หลังจากผสมแล้วลองใช้พบว่าเนื้อเหนอะหนะผิวค่ะ แรกๆสูตรดูเป็นเนื้อข้น แต่ผ่านไประยะหนึ่ง เนื้อสูตรเหลวลงมาก (แต่ความหนึบไม่หายไปนะคะ) ดิฉันมีคำถามดังนี้ค่ะ:

  1. ในสูตรนี้ มีสารตัวไหนที่ทำให้เหนอะหนะผิวบ้างคะ ควรตัดอะไรหรือเพิ่มอะไรบ้างคะ เนื้อสูตรถึงจะไม่หนึบ?
  2. ทำไมแรกๆสูตรดูเป็นเนื้อข้น แต่ผ่านไประยะหนึ่ง เนื้อสูตรเหลวลงมาก (แต่ความหนึบไม่หายไปนะคะ) เกิดจากอะไรคะ?
  3. ก่อนนี้เคยผสมสูตรคล้ายกัน มีสาร active 38-42% เนื้อสูตรไม่หนึบค่ะ ตอนนั้นไม่ได้ใส่ Safe B3 และ GlucoBright เป็นไปได้มั้ยคะที่สองตัวนี้จะทำให้เหนอะหนะ?
  4. มีวิธีแก้ไขให้เนื้อสูตรนี้ไม่หนึบหน้าโดยไม่ต้องเริ่มตั้งสูตรใหม่ไหมคะ เสียดายที่ทำไว้แล้วค่ะ

คำตอบ

การวิเคราะห์สูตรและคำแนะนำ

จากการวิเคราะห์ส่วนผสมและความเข้มข้นในสูตรของคุณ มีส่วนประกอบหลายอย่างที่อาจทำให้รู้สึกเหนอะหนะและเนื้อสูตรเปลี่ยนไปเมื่อเวลาผ่านไป

ส่วนผสมที่ทำให้เหนอะหนะ

สูตรของคุณมีความเข้มข้นของสารออกฤทธิ์รวมค่อนข้างสูง (ประมาณ 52%) ซึ่งหลายตัวเป็นสารให้ความชุ่มชื้น (humectants) หรือโพลิเมอร์ที่ส่งผลต่อความรู้สึกบนผิว ส่วนผสมที่น่าจะเป็นสาเหตุหลักของความเหนอะหนะคือ:

  • Repair Activator (Bifida Ferment Lysate, Butylene Glycol Base): มีส่วนประกอบของ Butylene Glycol และ Glycerin ซึ่งเป็นสารให้ความชุ่มชื้นที่ดึงน้ำเข้าสู่ผิวและอาจทำให้รู้สึกเหนอะหนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ในความเข้มข้นสูง
  • Glycosaminoglycans Complex: เป็นพอลิแซ็กคาไรด์ที่ให้ความชุ่มชื้นและอาจทำให้เนื้อหนืดหรือเหนียวเล็กน้อย คล้ายกับ Hyaluronic Acid
  • Pep®-Coll (Palmitoyl tripeptide-5): มีส่วนประกอบของ Glycerin ซึ่งเป็นสารให้ความชุ่มชื้นอีกชนิดหนึ่ง
  • Copper Peptide (GHK-Cu): มีส่วนประกอบของ Glycerin และ Propylene Glycol ซึ่งเป็นสารให้ความชุ่มชื้นทั้งคู่
  • GlucoBright (Acetyl Glucosamine): Acetyl Glucosamine เป็นอนุพันธ์ของน้ำตาลและเป็นสารให้ความชุ่มชื้นที่อาจเพิ่มความเหนียวเหนอะหนะได้
  • Safe B3 (Niacinamide): ที่ความเข้มข้นสูงถึง 10% Niacinamide อาจทำให้รู้สึกเหนอะหนะเล็กน้อยได้
  • Odor Kill (Maltodextrin): Maltodextrin เป็นพอลิแซ็กคาไรด์ที่ทำหน้าที่เป็นสารยึดเกาะหรือสร้างฟิล์ม ซึ่งอาจเพิ่มความเหนอะหนะได้
  • Satin Cream Maker (Sodium Acrylates Copolymer): เป็นสารสร้างเนื้อครีมประเภทโพลิเมอร์ แม้ว่าจะออกแบบมาเพื่อให้ความรู้สึกนุ่มลื่น แต่โพลิเมอร์อาจทำให้เหนอะหนะได้ โดยเฉพาะในสูตรที่มีอิเล็กโทรไลต์สูง หรือหากความเข้มข้นไม่เหมาะสมกับส่วนประกอบอื่นๆ ในสูตร

การรวมกันของสารให้ความชุ่มชื้นหลายชนิดและสารสร้างเนื้อ/สร้างฟิล์มในปริมาณที่สูง เป็นสาเหตุหลักของความรู้สึกเหนอะหนะ

การตอบคำถามของคุณ

  1. ควรลดหรือเพิ่มสารตัวไหนบ้างคะ เนื้อสูตรถึงจะไม่หนึบ?
    ในการลดความเหนอะหนะ โดยทั่วไปคุณต้องลดความเข้มข้นรวมของส่วนผสมที่ทำให้เกิดความรู้สึกนี้ หรือปรับเปลี่ยนเบสของสูตร

    • ลดความเข้มข้น: พิจารณาลดเปอร์เซ็นต์ของสารออกฤทธิ์ที่มีความเข้มข้นสูงบางตัว โดยเฉพาะตัวที่ใช้ 10% (Repair Activator, Acetyl Hexapeptide-8, Safe B3) และอาจรวมถึง Glycosaminoglycans และ GlucoBright การมีสารออกฤทธิ์รวมสูงถึง 52% เป็นปริมาณที่สูงมากและยากที่จะทำให้สูตรไม่เหนอะหนะโดยธรรมชาติ
    • ปรับเปลี่ยนสารสร้างเนื้อ/เบส: Satin Cream Maker อาจมีส่วนทำให้เกิดปัญหา คุณอาจพิจารณาใช้สารสร้างเนื้อชนิดอื่น หรือใช้ร่วมกับสารสร้างเนื้อชนิดอื่นที่ทนต่ออิเล็กโทรไลต์ได้ดีกว่าและให้ความรู้สึกบนผิวที่ดีกว่า หรืออาจลองเพิ่มเปอร์เซ็นต์ของ Satin Cream Maker เล็กน้อย (ภายในช่วงที่แนะนำ) หากปัญหาปัจจุบันเกิดจากการสร้างเนื้อที่ไม่เพียงพอทำให้สารออกฤทธิ์ปริมาณมากรู้สึกเหนอะหนะ อย่างไรก็ตาม การเพิ่มโพลิเมอร์อาจทำให้เหนอะหนะมากขึ้นได้
    • เพิ่มสารปรับปรุงความรู้สึกบนผิว: การใส่ส่วนผสมที่ช่วยให้เนื้อลื่นและลดความเหนอะหนะ เช่น ซิลิโคนบางชนิด (เช่น Cyclomethicone ซึ่งเข้ากันได้กับ Satin Cream Maker ตามคำอธิบาย) หรือเอสเทอร์บางชนิด หากเข้ากันได้กับสูตร อย่างไรก็ตาม การเพิ่มส่วนผสมในเฟสน้ำมันจะต้องพิจารณาสารอิมัลซิไฟเออร์อย่างรอบคอบ (Satin Cream Maker รับน้ำมันได้สูงสุด 25%)
  2. แรกๆสูตรดูเป็นเนื้อข้น แต่ผ่านไประยะหนึ่ง เนื้อสูตรเหลวลงมาก (แต่ความหนึบไม่หายไปนะคะ) เกิดจากอะไรคะ?
    เนื้อสูตรที่ข้นในตอนแรกน่าจะมาจากโครงข่ายของโพลิเมอร์ Satin Cream Maker การที่เนื้อเหลวลงเมื่อเวลาผ่านไป แสดงว่าโครงข่ายโพลิเมอร์นี้ไม่เสถียรหรือเสื่อมสภาพลง ความไม่เสถียรมักเกิดจากอิเล็กโทรไลต์หรือส่วนผสมที่มีประจุอื่นๆ ในสูตร ซึ่งมีอยู่มากในสูตรของคุณที่มีสารออกฤทธิ์ความเข้มข้นสูง (เปปไทด์, Niacinamide, Copper Peptide ฯลฯ) โครงข่ายโพลิเมอร์ที่ให้ความข้นจึงแตกตัวหรืออ่อนแอลงเมื่อเวลาผ่านไป ความเหนอะหนะยังคงอยู่เพราะสารออกฤทธิ์และสารให้ความชุ่มชื้นที่ละลายอยู่ในเบสที่เป็นของเหลวยังคงอยู่ การที่เนื้อเหลวลงไม่ได้ทำให้ส่วนประกอบเหล่านี้หายไป ค่า pH ของสูตรก็อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง หากอยู่นอกช่วงที่เหมาะสมสำหรับสารสร้างเนื้อหรือส่วนผสมอื่นๆ

  3. ก่อนนี้เคยผสมสูตรคล้ายกัน มีสาร active 38-42% เนื้อสูตรไม่หนึบค่ะ ตอนนั้นไม่ได้ใส่ Safe B3 , GlucoBright เป็นไปได้มั้ยคะที่2ตัวนี้จะทำให้เหนอะหนะ?
    ใช่ เป็นไปได้มาก ตามที่กล่าวไป Niacinamide (Safe B3) ที่ 10% และ Acetyl Glucosamine (GlucoBright) ที่ 4% เป็นความเข้มข้นที่สูงพอสมควรของส่วนผสมที่สามารถทำให้เกิดความเหนอะหนะได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ร่วมกับสารให้ความชุ่มชื้นอื่นๆ ในสูตร การที่คุณสังเกตว่าสูตรก่อนหน้านี้ที่ไม่มีสองตัวนี้เหนอะหนะน้อยกว่า ก็สนับสนุนความเป็นไปได้นี้

  4. มีวิธีแก้ไขให้เนื้อสูตรนี้ไม่หนึบหน้าโดยไม่ต้องเริ่มตั้งสูตรใหม่ไหมคะ เสียดายที่ทำไว้แล้วค่ะ?
    การแก้ไขสูตรปริมาณมากที่เหลวลงเนื่องจากโพลิเมอร์เสื่อมสภาพเป็นเรื่องที่ท้าทายมากและมักจะไม่สามารถทำได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพหรือความรู้สึกของเนื้อผลิตภัณฑ์

    • คุณอาจลองเติมสารสร้างเนื้อที่ละลายน้ำได้ที่เข้ากันได้ (เช่น โพลิเมอร์หรือกัมชนิดอื่น) ในปริมาณเล็กน้อยอย่างระมัดระวัง เพื่อพยายามสร้างความหนืดกลับคืนมา แต่อาจทำให้เหนอะหนะมากขึ้นไปอีกและอาจไม่สามารถคืนความเสถียรได้อย่างสมบูรณ์
    • การปรับค่า pH อาจช่วยได้หากค่า pH ผิดไปมาก แต่อาจมีความเสี่ยงที่จะทำให้ส่วนผสมอื่นตกตะกอนหรือเสื่อมสภาพต่อไปได้
      เมื่อพิจารณาถึงความซับซ้อนและปัญหาความไม่เสถียรที่น่าจะเกิดขึ้นจากการเสื่อมสภาพของโพลิเมอร์ เป็นไปได้สูงว่าสูตรที่ทำไว้แล้วจะไม่สามารถแก้ไขให้กลับมามีเนื้อสัมผัสและความเสถียรตามที่ต้องการได้อย่างสมบูรณ์ อาจจะดีที่สุดคือใช้สูตรที่ทำไว้แล้วเป็นบทเรียนและเน้นการปรับสูตรสำหรับการผลิตครั้งต่อไป

คำแนะนำสำหรับสูตรในอนาคต

  • ประเมินความเข้มข้นรวมของสารออกฤทธิ์อีกครั้ง แม้ว่าความเข้มข้นสูงจะมีประสิทธิภาพ แต่ก็ส่งผลต่อเนื้อสัมผัสและความเสถียรอย่างมาก พิจารณาว่าการลดเปอร์เซ็นต์ลงเล็กน้อยยังคงให้ประโยชน์ที่ต้องการได้หรือไม่ โดยแลกกับเนื้อสัมผัสที่ดีขึ้น
  • ปรับปรุงระบบสารสร้างเนื้อ พิจารณาใช้สารสร้างเนื้อหลายชนิดร่วมกัน หรือใช้โพลิเมอร์ที่ทนต่ออิเล็กโทรไลต์ได้ดีกว่าและให้ความรู้สึกบนผิวที่ดี
  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าค่า pH สุดท้ายของสูตรอยู่ในช่วงที่เหมาะสมสำหรับส่วนผสมทั้งหมด โดยเฉพาะสารสร้างเนื้อและเปปไทด์
  • ทบทวนขั้นตอนการผสมเพื่อให้แน่ใจว่าสารสร้างเนื้อกระจายตัวได้ดีและไม่ถูกทำลายจากการผสมที่เร็วเกินไป
  • หากการลดความเข้มข้นของสารออกฤทธิ์ไม่ใช่ทางเลือก ให้พิจารณาใส่ส่วนผสมที่ออกแบบมาเพื่อลดความเหนอะหนะในสูตรที่มีสารออกฤทธิ์สูง เช่น สารปรับปรุงความรู้สึก (sensory modifiers) หรือ emollients บางชนิดที่เข้ากันได้กับเบสของคุณ

การปรับความเข้มข้นของส่วนผสมหลักบางตัว และอาจปรับเปลี่ยนระบบสารสร้างเนื้อ จะช่วยให้คุณได้สูตรที่เหนอะหนะน้อยลงและมีความเสถียรมากขึ้นในอนาคต.

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Acetyl Hexapeptide-8 (eq Argireline)
Acetyl Hexapeptide-8 (eq Argireline)
เครื่องสำอาง
Pep®-Coll (Palmitoyl tripeptide-5)
Pep®-Coll (Palmitoyl tripeptide-5)
เครื่องสำอาง
Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
เครื่องสำอาง
GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine)
GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine)
เครื่องสำอาง
Satin Cream Maker™
Satin Cream Maker™
เครื่องสำอาง
Odor-Kill™
Odor-Kill™
เครื่องสำอาง
Dimethyl Isosorbide (DMI)
Dimethyl Isosorbide (DMI)
เครื่องสำอาง
Glycosaminoglycans (Pure Powder)
Glycosaminoglycans (Pure Powder)
เครื่องสำอาง