Retinoid vs Vit C การฟื้นฟูผิว และการเก็บรักษาส่วนผสม

ถามโดย: maigonix เมื่อ: November 03, 2016 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

  1. สารกลุ่ม Retinoid กับ Vitamin C ตัวไหนให้ผลฟื้นฟูผิวได้ดีกว่ากันคะ?
  2. เคยใช้ Retin-A คู่กับ L-ascorbic acid แล้วผื่นเซ็บเดิมกำเริบ เกิดจากอะไรคะ?
  3. ถ้าใช้ Retin-A คู่กับ Ascorbyl Tetraisopalmitate จะแรงเกินไปไหมคะ?
  4. เรื่องการเก็บรักษาส่วนผสม:
    • Glycerin ที่มีหยดน้ำเกาะด้านบนปกติไหมคะ และควรเก็บอย่างไร?
    • L-Carnitine และ Glycolic acid ละลายกลายเป็นน้ำไปแล้ว ยังใช้ได้อยู่ไหมคะ และควรเก็บอย่างไรไม่ให้ละลายอีก?

คำตอบ

หัวข้อ: Retinoid vs Vit C อันไหนให้ผลฟื้นฟูผิวได้ดีกว่ากัน

จากข้อมูลที่ได้รับ ไม่สามารถระบุได้ว่าสารกลุ่ม Retinoid หรือ Vitamin C ตัวไหน "ดีกว่า" ในการฟื้นฟูผิวโดยรวม เนื่องจากทั้งสองชนิดมีกลไกการทำงานที่แตกต่างกันและแก้ไขปัญหาผิวที่ต่างกันค่ะ:

  • สารกลุ่ม Retinoid (เช่น Retinal หรือ Retin-A) มีประสิทธิภาพสูงในการลดเลือนริ้วรอย โดยยับยั้งการสลายคอลลาเจนและช่วยเสริมสร้างอีลาสติน นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับการฟื้นฟูผิวหลังจากการออกแดดที่รุนแรง อย่างไรก็ตาม สารกลุ่มนี้อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองผิวได้ค่ะ
  • Vitamin C (โดยเฉพาะ L-ascorbic acid) มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับหลุมสิว) และมีฤทธิ์ด้าน Whitening ที่ชัดเจน จึงเหมาะสำหรับการฟื้นฟูผิวที่หมองคล้ำ ไม่สดใส L-ascorbic acid มีความเป็นกรดสูงและอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองในผิวที่บอบบางหรือกำลังมีปัญหาได้ค่ะ มี Vitamin C ในรูปแบบอื่นๆ ที่ระคายเคืองน้อยกว่า เช่น Ascorbyl Tetraisopalmitate
  • สารทั้งสองชนิดไม่เหมาะสำหรับการฟื้นฟูผิวที่กำลังระคายเคืองหรือมีอาการแพ้ค่ะ

อาการผื่นเซ็บเดิมกำเริบที่คุณพบเมื่อใช้ Retin-A คู่กับ L-ascorbic acid น่าจะเกิดจากความเป็นกรดสูงของ L-ascorbic acid ที่ทำให้ผิวระคายเคือง หากคุณมีผิวที่บอบบาง ควรพิจารณาใช้ Vitamin C ในรูปแบบที่มีความเป็นกรดน้อยกว่าค่ะ

สำหรับคำถามเกี่ยวกับการใช้ Retin-A คู่กับ Ascorbyl Tetraisopalmitate: Ascorbyl Tetraisopalmitate ไม่ได้ก่อให้เกิดการระคายเคือง ปัญหาการระคายเคืองน่าจะมาจาก Retin-A เอง การใช้คู่กันไม่ได้ทำให้ "แรงไป" ในส่วนของ Vitamin C ในแง่ของการระคายเคืองจากความเป็นกรด แต่ความทนทานของผิวคุณต่อ Retin-A เป็นปัจจัยสำคัญค่ะ

สำหรับคำถามเกี่ยวกับการเก็บรักษาส่วนผสม:

  • Glycerin: เป็นสารที่ดูดความชื้นจากอากาศได้ดี ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดหยดน้ำเกาะ อย่างไรก็ตาม การเก็บในอุณหภูมิห้องปกติโดยปิดฝาขวดให้สนิทก็เพียงพอแล้วค่ะ ไม่จำเป็นต้องเก็บในกล่องสุญญากาศ
  • L-Carnitine และ Glycolic acid: สารทั้งสองชนิดนี้ดูดน้ำได้ดีมาก จึงดูดความชื้นจากอากาศเข้าไปทำให้ละลายกลายเป็นน้ำได้ค่ะ สารยังคงมีประสิทธิภาพตามปกติ แต่ความเข้มข้นต่อหน่วยน้ำหนักจะลดลง เนื่องจากมีน้ำปนอยู่ เพื่อป้องกันการดูดความชื้น ควรเก็บไว้ในกล่องสุญญากาศ และอาจใส่ซอง Silica เพื่อช่วยดูดความชื้น หรือเก็บไว้ในตู้เย็นเพื่อลดการดูดน้ำในอากาศค่ะ สารยังคงใช้งานได้ แต่ประสิทธิภาพอาจลดลงเล็กน้อยค่ะ

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)
Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)
เครื่องสำอาง
Glycerin (USP/Food Grade)
Glycerin (USP/Food Grade)
เครื่องสำอาง
L-Carnitine (Carnitine)
L-Carnitine (Carnitine)
เครื่องสำอาง
Perfect-C™ (Ascorbyl Tetraisopalmitate)
Perfect-C™ (Ascorbyl Tetraisopalmitate)
เครื่องสำอาง
Glycopure™ (Glycolic Acid (AHA) 100% Powder)
Glycopure™ (Glycolic Acid (AHA) 100% Powder)
เครื่องสำอาง
Retinal (Retinaldehyde)
Retinal (Retinaldehyde)
เครื่องสำอาง