การพัฒนาสูตรครีม: ความเสถียร, กระบวนการเย็น, และการเพิ่มสารลดจุดด่างดำ

อาการที่สังเกตได้ว่าเนื้อครีมข้นๆ กองอยู่ด้านล่าง และมีส่วนที่เป็นเนื้อเบาๆ หรือน้ำมันแยกออกมาด้านบนเมื่อเวลาผ่านไป เรียกว่า Emulsion Instability หรือ ความไม่เสถียรของอิมัลชัน ซึ่งอาจแสดงออกมาในรูปแบบของ Creaming (ส่วนที่เป็นครีมข้นแยกชั้นไปอยู่ด้านหนึ่ง) และหากรุนแรงขึ้นก็จะเกิด Separation (แยกเป็นชั้นน้ำและน้ำมันอย่างชัดเจน) ค่ะ

จากคำแนะนำของทีมงานเกี่ยวกับสูตรของคุณที่ใช้ Luxury Cream Maker สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดปัญหานี้คือ ขั้นตอนการผสมที่ไม่สมบูรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การไม่ได้ใช้ความร้อนช่วยในการประสานเนื้อครีม ค่ะ Luxury Cream Maker จะทำงานได้ดีที่สุดและให้ความเสถียรสูงสุดเมื่อมีการใช้ความร้อนช่วยในขั้นตอนการรวมส่วนของน้ำและน้ำมันเข้าด้วยกัน

วิธีแก้ไขปัญหาครีมแยกชั้น:

• สำหรับครีมที่ทำเสร็จแล้วและเริ่มมีอาการ: ลองนำครีมไปอุ่นที่อุณหภูมิประมาณ 60°C แล้วใช้เครื่องปั่นหรือไม้พายคน/ปั่นให้ส่วนผสมกลับมาเข้ากันเป็นเนื้อเดียวอีกครั้งค่ะ
• สำหรับการทำครีมใหม่โดยใช้ Luxury Cream Maker:
  • อุ่นส่วนของน้ำ (Water Phase) และส่วนของน้ำมัน (Oil Phase) ให้มีอุณหภูมิประมาณ 60°C ทั้งสองส่วน ก่อนที่จะนำมารวมกัน
  • ค่อยๆ เทส่วนของน้ำลงในส่วนของน้ำมัน (หรือกลับกัน) พร้อมกับปั่นหรือคนด้วยความเร็วปานกลางเพื่อให้ส่วนผสมเข้ากันดี
  • หลังจากส่วนผสมเข้ากันเป็นเนื้อครีมแล้ว ให้รีบปิดความร้อน และปั่นต่อด้วยความเร็วต่ำไปเรื่อยๆ จนเนื้อครีมเย็นสนิท เพื่อให้เนื้อครีมเซ็ตตัวและมีความเสถียรสูงสุดค่ะ

• หากไม่ต้องการใช้ความร้อนในการทำครีม: ควรพิจารณาเปลี่ยนไปใช้ cream maker ชนิดอื่นที่สามารถทำงานได้ดีในกระบวนการเย็น (Cold Process) หรือไม่จำเป็นต้องใช้ความร้อนเพื่อความเสถียร เช่น Light Cream Maker, Satin Mousse, หรือ Pro Polymer (ทีมงานแนะนำที่ 1% สำหรับสูตรของคุณ)

• เกี่ยวกับการใช้ Polysorbate 20: การเติม Polysorbate 20 จะไม่ช่วยเพิ่มความเสถียรให้กับสูตรนี้ค่ะ เนื่องจาก cream makers เช่น Luxury Cream Maker เป็นระบบอิมัลชันที่สมบูรณ์ในตัวเองอยู่แล้ว Polysorbate 20 จะมีประโยชน์ในกรณีที่ต้องคำนวณค่า HLB เพื่อเลือกใช้ emulsifier หลายๆ ตัวร่วมกัน ซึ่งแตกต่างจากการใช้กลุ่ม cream makers ค่ะ

การเพิ่มสารช่วยลดจุดด่างดำ:

สูตรปัจจุบันของคุณยังไม่มีส่วนผสมที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวอย่างชัดเจน ซึ่งการผลัดเซลล์ผิวสามารถช่วยให้จุดด่างดำดูจางลงได้เร็วขึ้นค่ะ มีหลายแนวทางที่คุณสามารถพิจารณาได้:

1. เพิ่ม Pumpkin Renew™: เป็นสารช่วยผลัดเซลล์ผิวแบบอ่อนโยนที่ทีมงานแนะนำ สามารถเพิ่มในสูตรเดิมได้ง่าย โดยลดปริมาณน้ำลง 3-5% แล้วเพิ่ม Pumpkin Renew™ เข้าไปแทน โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการปรับค่า pH หรือผลต่อความเสถียรของเนื้อครีมมากนักค่ะ การเพิ่ม 5% โดยไม่ตัดส่วนอื่นออกเลยแต่ลดน้ำแทนก็สามารถทำได้ค่ะ
2. เพิ่ม Azelaic Acid water soluble: Azelaic Acid มีประสิทธิภาพดี แต่เป็น electrolyte การนำมาผสมในสูตรเดิมที่ใช้ Luxury Cream Maker อาจทำให้เนื้อครีมแยกชั้นได้ง่ายขึ้น หากต้องการใช้ในสูตรนี้ ควรเพิ่ม Pro Polymer ที่ 1% เพื่อช่วยเพิ่มความเสถียร ปริมาณที่ใช้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการตอบสนอง การลดสารบางตัวออกแล้วเพิ่ม Azelaic Acid แทนนั้นซับซ้อนกว่าและอาจต้องทดลองปรับสัดส่วน
3. ทำเป็น Spot Corrector แยก: เป็นอีกทางเลือกที่ดี สามารถใช้ Azelaic Acid ได้ถึง 10% และอาจใช้ร่วมกับสาร whitening ที่มีประสิทธิภาพสูงอื่นๆ เช่น Active Resveratrol วิธีนี้จะเน้นการรักษาเฉพาะจุดด่างดําโดยตรงค่ะ

สรุปคือ ปัญหาครีมแยกชั้นกับ Luxury Cream Maker มักเกิดจากการไม่ได้ใช้ความร้อนช่วยในการผสม หรือการปั่นที่ไม่ต่อเนื่องจนครีมเย็นตัวลง การแก้ไขคือการใช้ความร้อนและปั่นอย่างถูกวิธี หรือเลือกใช้ cream maker ที่เหมาะกับกระบวนการเย็นหากไม่ต้องการใช้ความร้อน สำหรับการลดจุดด่างดำ การเพิ่ม Pumpkin Renew™ เป็นทางเลือกที่ง่าย หรือหากต้องการใช้ Azelaic Acid ซึ่งมีประสิทธิภาพดี แต่อาจทำให้เนื้อครีมไม่เสถียร ควรเพิ่ม Pro Polymer ช่วย หรือทำเป็นผลิตภัณฑ์ Spot Treatment แยกต่างหากค่ะ