แมกนีเซียมออกไซด์ที่มีความบริสุทธิ์สูง (เกรด USP)

แมกนีเซียมออกไซด์แบบเบาเทียบกับแบบหนัก

แมกนีเซียมออกไซด์ (MgO) มีอยู่ 2 รูปแบบหลัก ได้แก่ แมกนีเซียมออกไซด์แบบเบา และ แมกนีเซียมออกไซด์แบบหนัก โดยทั้งสองรูปแบบนี้แตกต่างกันในด้าน คุณสมบัติทางกายภาพ วิธีการผลิต และ การใช้งาน ต่อ ไปนี้เป็นการเปรียบเทียบโดยละเอียด:

1. วิธีการผลิต

• แมกนีเซียมออกไซด์เบา :
  • ผลิตโดย การเผาแมกนีเซียมคาร์บอเนต (MgCO₃) หรือ แมกนีเซียมไฮดรอกไซด์ (Mg(OH)₂) ที่อุณหภูมิค่อนข้างต่ำ (ประมาณ 700–1000°C)
  • กระบวนการนี้ทำให้ได้ผงที่มีความหนาแน่นต่ำและฟูพร้อมพื้นที่ผิวขนาดใหญ่
• แมกนีเซียมออกไซด์หนัก :
  • ผลิตโดย การเผาแมกนีเซียมออกไซด์ที่อุณหภูมิสูง (สูงกว่า 1,500°C)
  • กระบวนการอุณหภูมิสูงทำให้ได้รูปทรงที่หนาแน่นขึ้นและกะทัดรัดมากขึ้น พร้อมพื้นที่ผิวที่เล็กลง

2. คุณสมบัติทางกายภาพ

3. การสมัคร

• แมกนีเซียมออกไซด์เบา :
  • ใช้ในงานที่ มีปฏิกิริยาสูง และ พื้นที่ผิวขนาดใหญ่ เป็นสิ่งสำคัญ
  • การใช้งานทั่วไป:
    • ยา : เป็นยาลดกรดหรือยาระบาย
    • อุตสาหกรรมอาหาร : เป็นวัตถุเจือปนอาหารหรืออาหารเสริม
    • ยางและพลาสติก : เป็นสารตัวเติมหรือสารทำให้แข็งตัว
    • การปกป้องสิ่งแวดล้อม : สำหรับการบำบัดน้ำเสียหรือการกำจัดซัลเฟอร์ออกจากก๊าซไอเสีย
• แมกนีเซียมออกไซด์หนัก :
  • ใช้ในงานที่ ความหนาแน่น เสถียรภาพทางความร้อน และ ความทนทาน เป็นสิ่งสำคัญ
  • การใช้งานทั่วไป:
    • วัสดุทนไฟ : สำหรับการผลิตอิฐทนไฟหรือวัสดุบุผิวทนไฟ
    • การก่อสร้าง : เป็นส่วนประกอบในวัสดุปูนซีเมนต์หรือพื้น
    • ฉนวนไฟฟ้า : ในฉนวนสายเคเบิลเนื่องจากมีความสามารถในการนำความร้อนสูง
    • การเกษตร : เป็นปุ๋ยแมกนีเซียมที่ปลดปล่อยช้า

4. ความแตกต่างที่สำคัญ

5. การเลือกใช้แมกนีเซียมออกไซด์ชนิดเบาหรือชนิดหนัก

• เลือก แมกนีเซียมออกไซด์ชนิดเบา หากคุณต้องการปฏิกิริยาสูง พื้นที่ผิวขนาดใหญ่ หรืออนุภาคละเอียด
• เลือก แมกนีเซียมออกไซด์ชนิดหนัก หากคุณต้องการความหนาแน่น ความเสถียรทางความร้อน หรือความทนทาน