S-Methyl-L-Cysteine Sulphoxide พบหลักๆ ในพืช โดยเฉพาะตระกูล Allium ซึ่งรวมถึงกระเทียม หัวหอม และ leeks สารนี้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนารสชาติและกลิ่นของพืชเหล่านี้ เมื่อเนื้อเยื่อพืชถูกทำลาย เช่น ระหว่างการตัดหรือบด สารนี้จะถูกแปลงโดยเอนไซม์เป็น thiosulfinates และสารประกอบกำมะถันอื่นๆ ซึ่งรับผิดชอบต่อกลิ่นและรสฉุนเฉพาะตัวของผักเหล่านี้

ในอุตสาหกรรมอาหาร สารนี้มีคุณค่าในการมีส่วนร่วมต่อคุณสมบัติทางประสาทสัมผัสของผลิตภัณฑ์จาก Allium มันช่วยเสริมสร้างโปรไฟล์รสชาติของอาหารแปรรูป ซอส และเครื่องปรุง ทำให้เป็นส่วนประกอบหลักในงานทำอาหาร นอกจากนี้ยังถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพื่อช่วยเสริมสร้างสุขภาพและเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการให้กับผู้บริโภค

นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาถึงประโยชน์ต่อสุขภาพที่เป็นไปได้ การวิจัยชี้ว่าสารนี้อาจมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ช่วยทำให้อนุมูลอิสระเป็นกลางและลดความเครียดจากออกซิเดชันในร่างกาย ซึ่งอาจมีส่วนช่วยในการสนับสนุนสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด และลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังบางชนิด บางการศึกษายังชี้ให้เห็นว่าสารนี้อาจมีส่วนช่วยในการลดการอักเสบและส่งเสริมสุขภาพตับ

S-Methyl-L-Cysteine Sulphoxide ยังมีบทบาทสำคัญในด้านการเกษตร โดยเฉพาะในการเพิ่มความต้านทานของพืชต่อโรคและแมลง เนื่องจากสารนี้สามารถกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของพืชให้ทำงานได้ดีขึ้น สามารถทำหน้าที่เป็นสารยับยั้งตามธรรมชาติต่อศัตรูพืชและเชื้อโรค ช่วยลดความจำเป็นในการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชในการเพาะปลูก นอกจากนี้ยังมีการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่าสารนี้มีศักยภาพในการช่วยลดการเกิดออกซิเดชันในพืช ช่วยยืดอายุการเก็บรักษาผลผลิตทางการเกษตร

โดยรวมแล้ว S-Methyl-L-Cysteine Sulphoxide เป็นสารประกอบที่หลากหลายที่มีการประยุกต์ใช้ในด้านการปรุงรสอาหาร การส่งเสริมสุขภาพ และการเกษตรที่ยั่งยืน